The Valentine day is Wolf's Friend - The Valentine day is Wolf's Friend นิยาย The Valentine day is Wolf's Friend : Dek-D.com - Writer

    The Valentine day is Wolf's Friend

    เมื่อคนกับกระต่ายรักกัน จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อในวันวาเลนไทน์ กระต่ายตัวนั้นกลับกลายเป็นมนุษย์หูกระต่ายซะงั้น รักวุ่นๆของคนกับกระต่ายจะจบลงเช่นไร โปรดติดตามชม

    ผู้เข้าชมรวม

    617

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    617

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.พ. 50 / 12:36 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      user posted image

      The Valentine Day Is Wolf ’s friend
      วันวาเลนไทน์ของเพื่อนหมาป่า


      “ฮ่าๆๆๆ” หมาป่าน้อยตัวหนึ่งหัวเราะอย่างร่าเริง เขากำลังเล่นไล่จับกันกับกระต่ายตัวสีขาวปุกปุยและงูลายขวางตัวหนึ่งกันอยู่ในลานกว้าง แล้วกระต่ายน้อยก็ถูกหมาป่าจับได้ “จับIce(ไอซ์)คุงได้แล้ว ตาไอซ์เป็นคนหาแล้วละ” หมาป่าน้อยพูด งูลายขวางเห็นดังนั้นก็ออกมาจากที่ซ่อนตัว “หึๆๆ ไอซ์โดนจับอีกแล้วรึนี้” กระต่ายร้องออกมาด้วยความเสียใจว่า “แง~~~ ถูกจับอีกแย้ว ไอซ์ไม่อยากเป็นผู้ล่าแล้วง่า~~”

      “งั้นเปลี่ยนไปเล่นอย่างอื่นกันดีไหมละ” หมาป่าน้อยแนะนำ งูลายขวางถามหมาป่าน้อยว่า “เล่นอะไรละ?” หมาป่าน้อยทำท่าครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะพูดว่า “เล่นต่อสู้กันดีไหมละ!” แต่กระต่ายน้อยก็พูดขัดขึ้นมาว่า “ต่อสู้!!! จะบ้ารึไง ฉันเป็นแค่กระต่ายธรรมดาตัวหนึ่งนะ ไม่ใช่พวกครึ่งมนุษย์อย่างพวกนายสักหน่อย แล้วจะสู้กับพวกนายได้ยังไงกัน”

      งูลายครามยิ้ม ก่อนร่างกายจะแปรผันกลายเป็นเด็กหนุ่มผมทองหัวตั้งเป็นแฉกๆ สวมผ้าคลุมสีฟ้าเกือบม่วงยาวไปถึงเขา ผ้าชั้นในสีน้ำตาลอ่อนๆ

      “เห็นไหม พวกนายแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้อยู่ แต่ฉันทำไม่ได้นะ” กระต่ายน้อยงอนเบือนหน้าหนี “ทำไมฉันต้องเกิดเป็นกระต่ายธรรมดาด้วยนะ ฮึกๆๆ ทำไม....” ดวงตาของกระต่ายน้อยค่อยๆมีหยดน้ำมาเอ่อล้น เพื่อนทั้งสองของเขามองอย่างเห็นใจ “มันก็ไม่ได้ดีนักหรอกนะที่เป็นครึ่งมนุษย์เนี้ย” เด็กหนุ่มผมทองพูด กระต่ายน้อยตะโกนกลับมาทั้งๆที่ร้องไห้ว่า “ไม่ดียังไงเหรอ อาจิล!!! กลายร่างเป็นมนุษย์เนี้ยไม่ดียังไง!!! ดีจะได้ออก ถ้าฉันเป็นครึ่งมนุษย์ละก็ เธอคนนั้นก็คง.......” กระต่ายน้อยนิ่งเงียบไป

      “นายพูดเหมือนกับ.....นายไปชอบใครบางคนที่เป็นมนุษย์อย่างนั้นนะแหละ.....” อาจิล(งูลายครามหรือเด็กหนุ่มผมทอง)พูด ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวนั้นนั่งก้มหน้านิ่ง แก้มก็แดงเล็กน้อย “ว่าแต่นายไปเจอเด็กหญิงคนนั้นเมื่อไหร่เหรอ” อาจิลถามต่อ หมาป่าน้อยนั่งงงว่าเพื่อนสองคนนี้พูดเรื่องอะไรกันอยู่ กระต่ายน้อยตอบว่า “เธอช่วยฉันไว้นะ.....ตอนนั้นฉันโดนโคลนดูด บังเอิญเธอคนนั้นมาเก็บของป่าแถวนั้นพอดี ก็เลยช่วยฉันไว้ แล้วพวกเราก็เป็นเพื่อนกันละ ทุกๆช่วงเย็นหลังจากที่เล่นกับพวกนาย ฉันก็ไปหาเขาละ”

      “หลงชอบเขาแล้วสิ ฮิๆๆๆ” อาจิลพูดแทงใจกระต่ายน้อย กระต่ายน้อยสะดุ้งหน้าแดง เอาขามาปัดหน้าให้หายจากอารมณ์ร้อนที่หน้า “ตกลง....ที่พูดมาทั้งหมดเนี้ย....นายต้องการเป็นครึ่งมนุษย์ใช่ไหม.....” หมาป่าน้อยถาม กระต่ายน้อยพยักหน้า หมาป่าน้อยจึงพูดว่า “เอางี้ไหมละ นายก็ลองไปที่คฤหาสน์แห่งความมืดของมังกรดำสิ รู้สึกเขาจะจัดทำของพิเศษสำหรับวันวาเลนไทน์ด้วยนะ”

      “อืม....เป็นความคิดที่ดี งั้นไปกันเลย!!!” อาจิลพูดเองเออเองโดยไม่ฟังคำตอบของกระต่ายน้อย เขาจับมือไอซ์(กระต่ายน้อย)และวิ่งเข้าป่าไป หมาป่าน้อยรีบวิ่งตามไป เพราะอะไรนะหรือ ก็เพราะอาจิลเขายังไม่รู้ทางไปคฤหาสน์มืดนะสิ

      ~ ครึ่งชั่วโมงต่อมา หน้าคฤหาสน์แห่งความมืด ในมิติพิเศษ ~

      “บรรยากาศดูน่าวังเวงจังเลยแฮะ....” กระต่ายน้อยพูด เพื่อนของเขาทั้งคู่ก็คิดเช่นนั้น เพราะท้องฟ้าก็มืดมาก แถมมีฟ้าผ่าด้วย ต้นไม้สีเขียวรกอยู่รอบคฤหาสน์ หน้าคฤหาสน์มีต้นไม้ใหญ่อยู่ “ไปกันเถอะพวกเรา” อาจิลลากเพื่อนทั้งสองคนของเขาไปยังประตูคฤหาสน์ ยกมือขึ้นเคาะประตู ก๊อกๆๆ

      “ครับๆๆ จะเปิดให้เดียวนี้แหละครับ” มีเสียงดังมาจากในคฤหาสน์และประตูก็เปิดออก ผู้ที่เปิดเป็นเรพลิลอยหนุ่มเกราะสีดำ ผมตั้งสีส้มอมเหลือง ใบหน้ามีแผลเป็นรูปกากบาท “มาพักที่นี้เหรอครับ?” ชายเกราะดำคนนั้นถาม อาจิลส่ายหน้า “ไม่ใช่หรอก ฉันจะมาขอพบเจ้าของคฤหาสน์หน่อย” เด็กหนุ่มเกราะสีดำพูดต่อว่า “คุณโอเมกนะรึครับ ตามผมมาเลยครับ เขาอยู่ข้างในบ้านนี้เอง”

      เด็กหนุ่มเกราะดำพาทั้งสามคนเข้าไปในบ้าน พวกเขาเดินผ่านบันไดและไปถึงห้องรับแขกซึ่งมีเสียงตะโกนดังมาว่า “ซินเวจ้า!!! แต่งงานกันเถอะ แอ๊ก!!!” ทั้งสี่คนรีบไปดู ก็พบว่ามีชายสามคนนั่งอยู่บนโซฟา ชายคนแรกเป็นเรพลิลอยหนุ่มใส่ชุดเกราะสีฟ้าคราม ชายคนที่สองเป็นเรพลิลอยหนุ่มสวมชุดเกราะสีแดงมีผมยาวสีทอง ชายคนสุดท้ายเป็นมนุษย์ผมสีทองยาว สวมแว่นตาสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ใส่เสื้อโชว์หน้าท้องสีแดง สวมชุดชั้นในสีดำแนบเนื้อ ส่วนกางเกงก็เป็นแบบขายาวสีขาวขุ่น

      ชายหนุ่มผมทองนั่งดื่มกาแฟอยู่ สายตาก็เหล่มาที่พวกเขา ส่วนเรพลิลอยอีกสองคนก็กำลังแย่งรีโมทกันอยู่ “เอามานี้นะเอ็กซ์ ฉันจะดูเรื่องอันเดอร์เวิล์ดนะ!” เรพลิลอยแดงพูดขณะยื้อแย่งรีโมทจากชายเกราะน้ำเงิน แต่คู่กรณีไม่ยอม “ไม่ได้นะซีโร่! ฉันจะดูเรื่องสงครามล่าล้างเผ่าพันธุ์อสูรนะ!!!” ชายเกราะน้ำเงินตะโกนบ้าง ชายชุดเกราะสีดำเหงื่อตกเพราะเรื่องที่ทั้งสองคนจะดูกันนั้นเป็นเรื่องเดียวกันนั้นแหละ แต่คนละชื่อกันก็เท่านั้นเอง

      “อ๊ะ! นั้นมันเจ้าชายซีโร่ กับวีรบุรุษเอ็กซ์นี้หน่า!!!” อาจิลพูดและชี้ไปที่ชายเกราะฟ้าและแดงที่นั่งงงอยู่ หมาป่าน้อยจับเอามือของอาจิลลงและพูดว่า “ไม่ใช่หรอก....เขาสองคนนี้นะไม่ใช่คนที่อยู่ในมิติของเรา เขาเป็นคนของมิติอื่นนะ” อาจิลและไอซ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ หมาป่าน้อยเงยหน้าขึ้นถามเอ็กเซลว่า “นี้! พี่ชายครับ แล้วโอเมกเขาอยู่ไหนเหรอครับ”

      พรึบ!!! มีบางอย่างออกมาจากซอกโต๊ะ เป็นร่างกลมๆมีหกปีกเล็กๆอยู่ที่หลัง ดวงตาสีแดงดำดวงเดียวจ้องมองมาที่ผู้มาใหม่ ทั้งสามยืนมองสิ่งประหลาดนั้น “มีอะไรกันเหรอพวกนายสามคนนะ” ตัวประหลาดนั้นถาม หมาป่าน้อยตอบว่า “มาขอพบมังกรดำโอเมกหน่อยครับ” ตัวกลมๆสีดำพูดขึ้นอีกว่า “ฉันนี้แหละโอเมกละ....”

      “............โกหกน่า.......” ทั้งสามคนพูดพร้อม โอเมกตัวกลมดำเหงื่อตก “ฉันโอเมกจริงๆนะ!!! นี้มันร่างแปลงของฉันนะ” โอเมกอธิบาย ทั้งสามคนพยักหน้าเนิบๆอย่างเข้าใจ โอเมกจึงถามต่อว่า “แล้วตกลงมีอะไรกันเหรอ?” หมาป่าน้อยจึงตอบอย่างซื่อๆว่า “ก็เพื่อนกระต่ายน้อยของผมคนนี้นะ(ชี้ไปที่กระต่ายน้อยบนไหล่อาจิล)เขาต้องการเป็นครึ่งมนุษย์ จะได้เป็นเพื่อนของเด็กผู้หญิงที่เขารักในวันวาเลนไทนี้นะ”

      “เออ....มาหาสินค้ารึ งั้นตามฉันมา ไปคุยกันที่ห้องของฉันดีกว่า” โอเมกพูดและจะบินขึ้นบันไดไป ทั้งสามคนจะตามไปด้วย โอเมกก็หันมาบอกว่า “ต้องขออภัยนะทั้งสองคน ฉันขอคุยกับกระต่ายน้อยเป็นการส่วนตัวนะ” ทั้งสามคนหันมามองหน้ากันและพยักหน้า อาจิลวางกระต่ายน้อยลง ไอซ์กระโดดตามโอเมกขึ้นข้างบนไป ส่วนหมาป่าน้อยและอาจิลก็เดินไปที่โซฟาที่ว่างอยู่ จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปนั่งดูเรื่องอันเดอร์เวิร์ดกับพวกเอ็กซ์

      - 2 ชั่วโมงต่อมา ซึ่งอันเดอร์เวิร์ดก็จบพอดี –

      “จบแล้วสินะ สนุกจังเลย พระเอกของเรื่องกลายเป็นครึ่งแวมไพท์ครึ่งหมาป่ารึเนี้ย” เอ็กซ์พูดออกมา ในห้องนั้นเหลือเพียงสามเรพลิลอยเท่านั้น เพราะซินเว(ชายชุดแดง)นั้นขึ้นไปนอนแล้วเนื่องจากมันดึกมาก(อันเดอร์เวิร์ดมันเป็นบิ๊กซีนีม่าวันเสาร์นะ) “ใช่ฮะ.....สุดท้ายก็เป็นฝ่ายแวมไพท์นี้เองที่เป็นผู้เริ่มสงคราม” เอ็กเซลพูดบ้าง ซีโร่นั้นจ้องมองมาที่หมาป่าน้อยซึ่งนั่งมองเอ็กซ์อยู่และถามว่า “นายนะ......เป็นแวร์วูฟรึเปล่า?” หมาป่าน้อยตอบกลับว่า “ใช่ฮะ.....มีอะไรเหรอฮะ”

      “มิหน่าถึงได้พูดได้ ว่าแต่นายแปลงร่างเป็นคนไม่ได้รึ?” ซีโร่ถามอีก หมาป่าน้อยก็ตอบกลับว่า “ได้ฮะ แต่ผมไม่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นคนได้จนกว่าจะเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง แต่ร่างแวร์วูฟพอจะแปลงได้ฮะ” ซีโร่ได้ยินดังนั้นก็บอกไปว่า “งั้นลองแปลงร่างให้ดูหน่อยสิ” หมาป่าน้อยทำหน้างง แต่ก็ทำตาม หมาป่าน้อยเดินไปที่ว่างของพื้นที่ห้อง เรพลิลอยอีกสองคนก็มองด้วย (ส่วนอาจิลนั้นหลับไปแล้ว คาโซฟาเลย) ร่างของหมาป่าน้อยเปล่งแสงออกมาและเปลี่ยนแปลงไป จากที่ยืนสี่ขากลายเป็นยืนสองขา ขนไปหัวเริ่มยาวขึ้น ขาก็เพิ่มกล้ามเนื้อเพื่อให้สามารถยืนได้ ตอนนี้หมาป่าน้อยได้กลายเป็นแวร์วูฟตัวน้อย(ต่ำกว่าเอ็กเซลเล็กน้อยถึงปานกลาง)ไปแล้ว

      “โอ้! น่ารักจังเย้ย XD~~” เอ็กเซลพูดและเข้าไปกอดแวร์วูฟน้อย ขนของแวร์วูฟน้อยช่างนุ่มเสียเหลือเกิน “พ...พี่.....พอเถอะ......มันอึดอัด.....นะ.....” แวร์วูฟน้อยพูดและสลัดหลุดจากเอ็กเซลออกมาได้ เขาเดินไปนั่งที่โซฟาอีกครั้ง “แหม....ตัวจริงกะเรื่องแต่ง แตกต่างกันมาเลยนะเนี้ย” เอ็กซ์พูด เพราะในอันเดอร์เวิร์ดนั้นแวร์วูฟดูท่าทางดุร้าย แต่แวร์วูฟเบื้องหน้าดูน่ารัก(น่ากอด)กว่าที่คิดอีก “ขอบคุณที่ชมฮะ....ว่าแต่ไอซ์เนี้ยช้าจังเลย....”

      “มาแล้วจ้าทุกคน!!!” มีเสียงดังมาจากบันได ทำให้อาจิลสะดุ้งตื่นและมองไปยังต้นเสียง ก็พบกับโอเมกที่บินลงมาจากบันไดและบินมาเกาะที่หัวของเอ็กซ์ อาจิลถามโอเมกว่า “นี้เจ๊ แล้วเพื่อนอั้วไปไหนละ” โอเมกตอบกลับว่า “มาแล้วนั้นไงเล่า” โอเมกพูดและใช้ปีกชี้ไปที่บันได ซึ่งมีคนๆหนึ่งลงมาอยู่ คนๆนั้นสวมผ้าคลุมสีขาวติดฮูทสวมศีรษะไม่ให้มองเห็นใบหน้า ส่วนเสื้อชั้นในเป็นชุดแบบซินเวแต่มีสีน้ำตาล

      “ใครนะ.....รึว่า.....” หมาป่าน้อยพูดและก็เกิดคิดอะไรขึ้นมาได้ ชายในผ้าคลุมนั้นก็เปิดฮูทออก เผยให้เห็นหน้าของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ดวงตาสีแดงอ่อนๆ ใบหน้าโค้งมลสีขาวนวล มีผมมาปรกหน้าผากเล็กน้อยสีขาว ผมที่ด้านข้างศีรษะหนาจนมองไม่เห็นหูด้านข้าง แต่ถึงเปิดผมออกก็ไม่เห็นหูอยู่ดี เพราะ.......มีหูยาวๆของกระต่ายงอกออกมาจากหัวนะสิ

      “ก็ดูเท่ดีนะ แต่ทำไมยังมีหูของกระต่ายอยู่ละ?” อาจิลถาม โอเมกจึงบอกว่า “ก็เพราะเป็นครึ่งมนุษย์นะสิ นี้เป็นมนต์ดำของฉันเอง จะมีผลจนถึงเที่ยงคืนของวันวาเลนไทน์นะ ซึ่งวันวาเลนไทน์ก็สัปดาห์หน้านี้เองละ” อาจิลและแวร์วูฟน้อยพยักหน้าอย่างเข้าใจ โอเมกมองดูแวร์วูฟน้อย “แล้วนี้ใครละเนี้ย” แวร์วูฟน้อยก็เลยตอบไปว่า “ผมหมาป่าที่คุณเห็นเมื่อตอนเข้ามาเองแหละฮะ” โอเมกมองอย่างคิดไม่ถึงและ......

      “แย๊ก!!! เจ็บ!!!!” โอเมกง้างปากของแวร์วูฟน้อยออกและถอดฟันน้ำนมออกมา “หึๆๆ เขี้ยวของแวร์วูฟใช้ทำยาได้หลายชนิดเลย ขอเป็นค่าเวทมนต์ของฉันเลยก็แล้วกันนะ ฮิๆๆๆ” โอเมกยิ้มอย่างชั่วร้ายและบินจากไปหาซินเว โดยไม่สนแวร์วูฟน้อยที่กุมแก้มมีน้ำตาออกมาเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด “โหดฉิบเลย แม่มังกรดำเนี้ย” อาจิลบ่นอุบอิบออกมา เอ็กเซลลุกขึ้นมาและเดินมาหาพวกเขา

      “ไปกันเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งที่หน้าบ้านเอง” เอ็กเซลพูด แล้วทั้งสามคนก็ไปที่หน้าคฤหาสน์ แวร์วูฟน้อยกล่าวกับเอ็กเซลว่า “ขอบคุณมากครับที่มาส่ง” เอ็กเซลก็บอกว่าไม่เป็นไร แล้วทุกคนก็ได้ยินเสียงดังลั่นมาจากห้องรับแขกอีกครั้ง “ซินเวจ้า!!!! แต่งงานกันเถอะ!!!! แอ๊ก!!!!” เสียงนั้นเงียบลงแล้วก็มีบางอย่างสีดำๆพุ่งมาหาทั้งสี่คน ทั้งสี่ก้มหลบ ทำให้สิ่งสีดำนั้นพุ่งออกไปตกลงที่หน้าคฤหาสน์ ซึ่งท้องฟ้าก็ยังเป็นสีดำมืดอยู่เหมือนเก่า ทั้งสี่เดินไปดูร่างดำๆนั้น แล้วแวร์วูฟน้อยก็ใช้นิ้วจิ้มๆดู ร่างสีดำนั้นก็เปิดดวงตาสีแดงออกมา พร้อมพูดว่า “ทำไมซินเวต้องทำเขารุนแรงด้วยอะT.T”

      “ง่า~~~” ทั้งสี่เหงื่อตก ร่างสีดำนั้นบินขึ้นฟ้าอีกครั้งและมองมาที่ทั้งสามคน “เอาละ ฉันจะใช้เทเลพอร์ตพาพวกนายกลับไปในป่าละกันนะ ส่วนนายนะ ไอซ์คุง อย่าลืมที่ฉันบอกละกันนะ” โอเมกพูดและจ้องเขม้งไปที่ชายในผ้าคลุมขาว ไอซ์พยักหน้ารับ แล้วทั้งสามคนก็หายวับไป โอเมกยืนดูร่างของทั้งสามหายไป แล้วเธอก็ไปเกาะไหล่ของเอ็กเซลและเดินเข้าคฤหาสน์ไป

      - ที่ป่าฟาเรนเซีย –

      “แวป!!!” ร่างของทั้งสามปรากฏที่ต้นไม้ใหญ่ซึ่งเป็นทางเข้าของมิติพิเศษ หมาป่าน้อย(กลับร่างแล้ว)ส่ายหัวไปมาคลายความงงเพราะการวาร์ปทำให้รู้สึกเวียนหัวมาก อีกสองคนก็เหมือนกันเพราะไม่คุ้นกับการเดินทางชั่วพริบตาอย่างนี้ แล้วทั้งสามคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านของตนเอง โดยอาจิลนั้นกลับไปที่ป่าไนแมร์ซึ่งเป็นที่อยู่ของเขา ส่วนกระต่ายน้อยก็ไปยังถ้ำหินลึกเข้าไปในป่า หมาป่าน้อยก็กลับไปยังบ้านของตนเองซึ่งอยู่ที่ลานว่างไม่ห่างจากหมู่บ้านหมาป่ามากนัก โดยทั้งสามนัดกันว่า พรุ่งนี้จะมาเจอกันใหม่ที่นี้

      - วันรุ่งขึ้น ณ ที่เดิม -

      “เอาละ ไอซ์คุง แล้วนายจะทำยังไงต่อเหรอ?” อาจิลถาม หมาป่าน้อยได้แต่นั่งเงียบเพราะไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับความรักมากนัก(อันที่จริงไม่รู้สักอย่างเลยมากกว่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอาการที่เกิดขึ้นกับเขาตอนอายุ5ขวบในวันปีใหม่กับเด็กสาวคนหนึ่งนั้นคือรักแรกพบด้วยซ้ำไป ไร้เดียงสาขนานแท้เลย)

      “ฉันคิดว่าฉันจะไปเจอเขาที่เดิมนะ เพราะแถวนั้นเธอจะออกมาหาของป่าเสมอแหละ” ไอซ์พูดก้มหน้าน้อยๆลงเพราะแก้มนั้นแดงอยู่เล็กน้อย “งั้นก็ไปได้แล้วละ นายต้องทำความรู้จักเขาให้ได้ก่อนถึงวันวาเลนไทน์นะ เพราะในวันวาเลนไทน์นายจะต้องชวนเขาเป็นเที่ยวด้วยกันให้ได้” อาจิลพูดอย่างกันคนมีประสบการณ์ด้านความรัก ไอซ์พยักหน้าและหันมามองหมาป่าน้อยที่นั่งอยู่

      “นี้ นายช่วยไปเป็นเพื่อนกับฉันหน่อยได้ป่าว?” ไอซ์ถามหมาป่าน้อย หมาป่าน้อยงง “แล้วฉันไม่ไปเป็นตัวถ่วงของนายรึไง ไอซ์คุง” ไอซ์ส่ายหน้าทั้งๆที่สวมฮูทผ้าคลุมอยู่ “ไม่หรอก ฉันจะให้นายไปในฐานะ......สัตว์เลี้ยงของฉันก็แล้วกัน”

      “เหรอ.....เอางั้นก็ได้นะ เพื่อเพื่อนฉันทำได้อยู่แล้ว” หมาป่าน้อยก้มหน้าอย่างปลง เพราะคิดว่าคงไม่อาจขัดความพยายามอันแรงกล้าของเพื่อนเขาได้แล้ว

      แล้วแผนการร้าย(รึเปล่า)ก็เริ่มขึ้น โดยอาจิลวางแผนเอาไว้ว่าให้หมาป่าน้อยนั้นวิ่งเข้าไปอ้อนเธอคนนั้น แล้วไอซ์จะตามออกมาโดยสมมุติว่าให้หมาป่าน้อยชื่อ “เจ้าขนเงิน” ไอซ์จะตามไปเอาหมาป่าน้อยและกล่าวขอบคุณหญิงคนนั้น จากนั้นก็พูดคุยถึงเรื่องการหาของป่าและพยายามตีสนิทให้ได้ เมื่อได้ฟังดังนั้นแล้ว ทั้งสามก็เริ่มแผนการ โดยทั้งสามไปยังจุดที่กระต่ายน้อยกับเธอคนนั้นชอบพบกัน จนในที่สุดเธอคนนั้นก็มาพร้อมตะกร้าใบหนึ่ง

      “เอาละ เริ่มแผนได้เลย” อาจิลในร่างงูลายครามขนอยู่กับกิ่งต้นไม้พูด หมป่าน้อยก็ยืนทำใจอยู่ครู่หนึ่งและวิ่งไปหาหญิงคนนั้น ส่วนไอซ์นั้นกุมมือไว้ที่หน้าอก แก้มก็แดงขึ้นเรื่อยๆ พยายามสรรหาคำพูดที่ดีที่สุดไว้ไปพูดกับหญิงสาวคนนั้น

      “กระต่ายน้อยจ๊ะ กระต่ายน้อย อยู่ที่ไหนเหรอ ออกมาเร็ว~~~” หญิงคนนั้นร้องเรียกหากระต่ายน้อย ทำให้ไอซ์หน้าแดงยิ่งไปอีก หมาป่าน้อยวิ่งพุ่งเข้าหาหญิงคนนั้นอย่างไม่คิดชีวิตโดยไม่มองทาง จนชนเข้ากับต้นไม้ข้างหญิงสาวอย่างจัง หัวหมุนตาลายล้มไปเลย หญิงคนนั้นก้มลงมองดูและคิดว่า....

      “เจ้าหมาป่า!!! คิดจะกินฉันเรอะ!!! ไม่มีทางซะหรอก!!!” หญิงคนนั้นมองมาที่หมาป่าน้อยด้วยแววตาสุดโหด(มหาโหด)และคว้ามีดปลายแหลมออกมาจากตะกร้า หมาป่าน้อยสะดุ้งเฮือกเพราะรังสีสังหารจากกายหญิงคนนั้น นั่งนิ่งมองหญิงคนนั้นสั่นๆด้วยความกลัว ไอซ์เห็นท่าไม่ดีก็เลยตรงเข้าไปคิดจะห้าม “เฮ้! เธอจะทำอะไรวิงซังของเขานะ!!!” ไอซ์วิ่งเข้าไปและยกมือขึ้นห้ามมีดของเธอคนนั้น ขณะที่หมาป่าน้อยคิดว่า “(อะไรกัน.....ไม่ตรงตามแผนสักอย่าง......แล้วชื่อวิงซังเนี้ย....เอามาจากไหนกัน.....-*-)”

      “เอ้อ.....ที่แท้นายนี้เองสินะ ที่สั่งให้เจ้าหมาป่ามาทำร้ายฉันเนี้ย” เธอคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงฉะฉาน หันมีดมาทางไอซ์ที่กำลังเริ่มกลัวนิดๆแล้ว “ม...ไม่ใช่...นะ..พอดี....ฉันกับมัน......วิ่งไล่จับ.....กันอยู่อะ.....” ไอซ์พูดอย่างสั่นๆ เธอคนนั้นทำท่าทางไม่เชื่อ “โกหกหน้าด้านๆ เธอก็เหมือนมันใช่ไหม อย่าอยู่เลย!!!!~” เธอคนนั้นพุ่งเข้ามาพร้อมมีด แต่ไอซ์ก็ปัดมันออกจากมือเธอไปปักต้นไม้ข้างเคียง “อย่าเล่นของมีคมได้ไหม มันอันตรายนะคับ....”

      “สู้เหรอ! หน่อย~~~” เธอคนนั้นตีลังกากลับหลัง ปล่อยลูกเตะอัดชายคางของไอซืไป ทำให้ฮูทของไอซ์หลุดออกจากหัว โผล่ให้เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มผมสีขาวตาสีแดง และหูยาวๆสีขาวแบบกระต่าย เธอคนนั้นยืนมองแบบทึ่ง “เฮ้ย!!! เผ่นเถอะวิงซัง!!!” ไอซ์เอามือปิดหูไว้และวิ่งเข้าป่าใกล้ๆไปกับหมาป่าน้อย โดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของเธอคนนั้นที่ว่า “เฮ้! หยุดก่อน!!!” แล้วทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบ

      ตึง! เธอคนนั้นนั่งลงพิงต้นไม้ข้างเคียง หลังจากที่หยิบมีดเก็บแล้ว เธอก็นั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ “ไอ้คนๆนั้นเขามาทำร้ายเราจริงรึเปล่านะ(ก็แกจะทำร้ายเขาก่อนไม่ใช่รึ) แต่ดวงตาแบบนั้น...” หน้าของเธอคนนั้นเริ่มแดงเล็กน้อย “ตาสีแดงๆนั้นช่างดูหน้าคุ้นเคยอย่างหน้าประหลาด....เหมือนกับเคยเจอดวงตานั้นที่ไหนมาก่อน....” เธอคนนั้นก้มหน้าลงครุ่นคิดหนักขึ้นกว่าเก่า “อีกทั้งหูยาวๆสีขาวนั้น....รึว่าเขาคนนั้นจะเป็น.....” หน้าของเธอเริ่มแดงหนักเข้าไปอีก แต่แล้วเธอก็ลุกขึ้นสะบัดความคิดให้หายไป ก่อนจะพร่ำออกมาว่า “ช่างมันเถอะ.....มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกนะ กลับบ้านไปกินข้าวเช้าดีกว่าแฮะ....”

      แล้วเธอคนนั้นก็จากไป ไอซ์มองเธอคนนั้นด้วยแววตาเศร้าๆจากต้นไม้ต้นหนึ่งในป่า ส่วนเพื่อนอีกสองนั้นกลับไปหากินกันแล้วละ ไอซ์คิดว่า “สุดท้าย....เราก็ไม่ได้ทำความรู้จักกันเลย.....”

      - ชั่งโมงต่อมา –

      ไอซ์กลับมาที่จุดเกิดเหตุ(?)อีกครั้งคนเดียวโดยไม่ชวนเพื่อนๆมาด้วย ก็พบว่าเธอคนนั้นยังไม่มา ง่วงก็ง่วง ไอซ์ก็เลยนั่งพิงต้นไม้ต้นหนึ่งแถวนั้นเพื่อรอขอโทษเธอผู้นั้น แล้วความง่วงก็แผลงฤทธิ์จนได้ ไอซ์ผล่อยหลับไป สักครู่ต่อมา....

      “วันนี้ต้องเก็บให้ได้เยอะๆเลย” หญิงคนนั้นกลับมาที่จุดเกิดเหตุ(??)เหมือนกัน เธอชอบมาเก็บของป่าแถวนี้เสมอ เพราะเผื่อพลุ๊กเธอจะได้เจอกับกระต่ายน้อยตัวนั้นอีก เธอเดินเก็บหน่อไม้จากก่อไผ่ เก็บกิ่งไม้ที่พอจะทำฟืนได้ เธอเดินต่อไปเรื่อยๆจนผ่านร่างที่นอนหลับใหลภายใต้ฮูทของไอซ์ไป หญิงสาวคนนั้นเดินผ่านไปสองสามเมตรแล้วเอ๊ะใจขึ้นมาได้ จึงเดินถอยหลังกลับมาดู

      “เรียกแล้วไม่ยอมกลับมาคุย หน่อย~~ มาแอบงีบหลับอยู่ตรงนี้เองนะ” หญิงคนนั้นบ่นออกมาด้วยความโกรธ แต่ก็พยามลดระดับเสียงให้ต่ำลงเพื่อไม่ให้ชายชุดผ้าคลุมนั้นตื่น เธอยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย ในใจก็คิดว่า “หลับรึ ฮึๆๆ เมื่อกี้ยังเห็นหน้าคาตาไม่ค่อยเต็มเลย ขอดูให้ชัดๆหน่อยเถอะ....” เธอคนนั้นยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างชั่วร้าย ราวกับปีศาจ

      เธอจับขอบของฮูทและค่อยๆเลิกมันออกเบาๆเพื่อไม่ให้เจ้าของฮูทรู้ตัว เบาและนิ่มนวลที่สุด จนความพยายามของเธอสำเร็จผม เธอได้ยลโฉมใบหน้าของชายหนุ่มหน้ามลแล้ว “อืมๆ เท่ดี แต่ทำไมดวงตาถึงได้เป็นสีแดงนะ แล้ว......เจ้าหูนี้เป็นของจริงรึเปล่านะ.....” เธอคนนั้นลองจับหูของไอซ์ดู มันนุ่มน่าสัมผัสมาก ทำให้ให้เธอคนนั้นจับนานจนเจ้าของหูตื่นขึ้นมาและมองผู้มารบกวนตน

      “อ๊ะ! คริส!!! อุ๊บ!” ไอซ์พูดด้วยความตกใจ แต่ก็เอามือมาปิดปากไว้เพราะไปเรียกชื่อคนที่อยู่ตรงหน้าเข้า มืออีกมือหนึ่งก็จะไปจับฮูทเพื่อปิดหน้าอีกครั้ง แต่คริส(เธอคนนั้น)ก็จับมือของไอซ์ไว้ไม่ให้จับฮูท “นายเป็นใคร!!! ทำไมจึงรู้จักฉัน! แล้วหูนี้นะ!!! ของจริงรึเปล่า” คริสเอามือไปดึงหูของไอซ์อย่างแรง “โอ้ย!!! เจ็บนะ” ไอซ์ร้องลั่นด้วยความเจ็บ คริสจึงปล่อยมือ “ของจริงรึเนี้ย.....งั้นนายก็คงจะเป็น.....”

      “ผม....เออ......ไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว ไปดีกว่า!!! +๐+ ” ไอซ์หน้าแดงจัดควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ จำไม่ได้แล้วว่าควรจะพูดอะไร เลยลุกพรวดและออกวิ่ง แต่...... “แอ๊บ!!! อ่อย @.@” ไอซ์หลับหูหลับตาวิ่งเลยชนต้นไม้เข้าเต็มๆ ไอซ์หัวหมุนไปหมด แล้วก็สลบไป คริสยืนงงๆในท่าทางของไอซ์อยู่ “ซื่อบื้อจริงๆแฮะ......เจ้ากระต่ายน้อยเนี้ย........”

      - สักครู่ต่อมา –

      “อืม.....” ไอซ์ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา เขาลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนมองไปรอบๆ ซึ่งรอบๆนั้นก็เป็นป่า แถมข้างหลังเขาก็เป็นป่าและผู้หญิง.... “เย้ย!!!” ไอซ์สะดุ้งเฮือกลุกขึ้นยืน มองร่างของคริสที่ใช้ตักตนต่างหมอนให้ตนหนุนนอน คริสยิ้ม ทั้งๆที่ไอซ์ยังคงหน้าแดงก้มหน้านิ่งอยู่ “ตกใจอะไรเหรอ.....กระต่ายน้อย...เห็นทุกวันชอบมาหนุนตักชั้นไม่ใช่รึไง.....” คริสพูดเรียบๆ แต่ก็ทำให้ผู้ถูกกล่าวถึงนั้นอายหนักเข้าไปอีก

      “รู้แล้วรึครับเนี้ย..... -.-” ไอซ์พูดยิ้มร่าเริงใบหน้าแดงๆก็กลับคืนสู่ปกติ คริสก็เลยพูดว่า “ฉันรู้ตั้งแต่ตอนสู้กับนายแล้วละ รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าหมาป่าน้อยนั้นนะ ไม่ได้เป็นแค่หมาป่าธรรมดาหรอกนะ ใช่ไหม” คริสจ้องไอซ์เพื่อรอรับคำตอบ ไอซ์พยักหน้าก่อนจะพูดว่า “ใช่....เขาเป็นแวร์วูฟ แล้วก็แถวนั้นก็ยังมีเพื่อนฉันที่เป็นมนุษย์งูด้วยนะ” คริสมองอย่างทึ่งๆ “เหรอ.....แล้วนายก็คงเป็นครึ่งมนุษย์ด้วยเหมือนกันสินะ” คริสถาม ไอซ์ส่ายหน้า

      “ไม่ใช่หรอก....นี้เป็นเวทมนต์ที่มังกรดำต่างมิติเขาทำให้ผมนะ ผมไปขอร้องเขาเพราะผมอยากมาเป็นเพื่อนคุณ(ไอซ์เอามือจับมือของคริส) แต่มนต์นี้จะมีผลถึงแค่เที่ยงคืนของวันวาเลนไทน์เท่านั้น……..” ไอซ์ตอบทั้งๆที่มือจับมือของคริสอยู่ คริสก้มลงหน้าแดงมองดูมือของไอซ์ “แล้วหลังวันวาเลนไทน์นายจะเป็นยังไงละ?” ไอซ์ตอบว่า

      “หากฉันไม่สามารถทำ....เออ.....ตรงนี้ช่างมันก่อน เอาเป็นว่าหลัววันวาเลนไทน์ฉันจะต้องกลับกลายเป็นกระต่ายเหมือนเดิมนะสิ”

      “เหรอ.....งั้นนายก็เวลาแค่อาทิตย์เดียวเองสินะ ที่จะอยู่ในร่างนี้” คริสถาม ไอซ์พยักหน้า คริสยิ้มและจับมือของไอซ์ไว้ “งั้นเราไปเล่นกันเถอะนะ เริ่มจากแข่งกันเก็บของป่าก่อนเป็นไงละ” ไอซ์ยิ้มแห้งๆ “นั้นมันเป็นการเล่น หรือว่าจะใช้งานผมกันแน่นะครับ-*-”

      “เอาเถอะน่า เดี๋ยวหลังจากเสร็จการหาของป่าแล้ว ฉันจะเลี้ยงนายด้วยไอติมรสแครอทเลยเป็นไง”

      “...........เอาก็เอาละฟ่ะ เวลายิ่งมีจำกัดด้วย.........”

      แล้วในช่วงเจ็ดวันนั้น(ต้องย่อตอนนี้ไว้ เพราะมันจะทำให้ Sid story นี้ยาวเกินไป) ตอนเช้าไอซ์กับคริสจะช่วยกันเก็บของป่าให้เต็มตะกร้า หากเสร็จเร็วก็จะเหลือเวลาที่พวกเขาจะเดินเที่ยวป่ากัน เล่นไล่จับกัน ปีนต้นไม้กันเล่น บางครั้งหมาป่าน้อยกับอาจิลจะมาเล่นกับพวกเขาด้วย จนในที่สุดก็ถึงวันสุดท้ายของสัปดาห์ ซึ่งเป็นวันที่พระจันทร์จะเต็มดวง และเป็นวันที่หมาป่าน้อยจะกลายร่างเป็นคนครั้งแรกในรอบเดือนกุมภาพันธุ์ พวกเขาทั้งสี่(โดยอาจิลและไอซ์สวมผ้าคลุม ไอซ์สวมฮูทแต่อาจิลไม่สวมเพราะไม่มีหู) จึงไปเดินเล่นในตลาดตอนกลางคืนกัน ซึ่งเป็นเวลาก่อนเที่ยงคืน หมาป่าน้อยนั้นเดินตามคนทั้งสามต้อยๆคล้ายสัตว์เลี้ยง ซึ่งก็ดูเหมือนจะสอบผ่านด้วย

      แล้ววันนั้นเอง ไอซ์ก็ได้รับของขวัญจากคริสเป็นห่วงสีทอง ซึ่งไอซ์เอามาใช้รวบหูทั้งสองข้างให้แนบชิดกัน ไอซ์นั้นก็ซื้อแหวนรูปสายฟ้าให้กับคริส(ยืมเงินของหมาป่าน้อย) ซึ่งคริสนั้นชอบมากๆเพราะเธอนั้นไม่ค่อยชอบของประดับหรอก แต่เธอนั้นชอบสายฟ้ามากกว่า ส่วนหมาป่าน้อยกะอาจิลก็แลกของขวัญกัน โดยหมาป่าน้อยให้มีดพกสั้นแก่อาจิล ส่วนอาจิลก็มอบมีดบินให้กับหมาป่าน้อย (สองคนนี้มันบ้าอาวุธกันเหรอไงฟะ) แล้วพวกเขาทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับบ้าน โดยพรุ่งนี้นัดกันว่าจะไปพบกันที่สวนดอกไม้ที่ชายป่า

      - ณ ที่ถ้ำของไอซ์ –

      ไอซ์ในชุดคล้ายซินเวแต่มีสีน้ำตาลนอนหลับอยู่ในถ้ำ โดยใช้หญ้ามอสมาปูพื้นและใช้ใบไม้ขนาดใหญ่มาเย็บเป็นหมอน เอาหญ้าที่สับละเอียดมายัดใส่ต่างนุ่น ไอซ์นอนละเมอฝันถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งเจ็ดวัน แต่ก็มีน้ำตาไหลออกมาจากขอบตาเล็กน้อย เพราะในฝันเขานั้นฝันว่าจะต้องจากคริสไปตลอดการณ์ เนื่องจากกระต่ายกับมนุษย์คงเป็นมากไปกว่าเพื่อนไม่ได้

      “ที่นี้เองสินะ.....บ้านของกระต่ายน้อย.....” เงาดำมืดกลมๆปรากฏตัวที่หน้าปากถ้ำของไอซ์ มันเข้าไปในถ้ำของไอวืและมองดูเจ้าของบ้าน ซึ่งนอนหลับคุดคู้เอาผ้าคลุมห่มตัว ร่างดำๆมองดูหน้าไอซ์ที่มีน้ำตาเอ่อล้นที่ขอบตาเล็กน้อย “..........ร้องไห้รึ......จริงสินะ พรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของมนต์ดำแล้วนี้หน่า แต่......มันยังมีวิธีอยู่....”

      “ไอซ์จัง! ไอซ์จัง! ตื่นสิ! ตื่น!” เงาดำกลมๆนั้นเรียกไอซ์ที่นอนหลับอยู่ ไอซ์ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย มือก็เอามาปาดน้ำตาออก และบิดตัวคลายความเมื่อย ไอซ์มองดูผู้ที่มาปลุก พอเห็นว่าเป็นร่างกลมดำ ก็ลุกขึ้นนั่งพิงผนังถ้ำไว้ “คุณโอเมก.....คุณมาทำอะไรที่นี้.....”

      “ฉันจะมาเตือนนายเรื่องนั้นนะสิ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วนะ หากนายทำไม่ได้นายจะต้องเป็นกระต่ายตลอดไปนะ” โอเมกพูด เธอร่อนลงไปเกาะที่ไหล่ของไอซ์

      “ผมรู้ครับผมรู้ แต่....ผมต้องให้รู้ก่อนว่าเธอคนนั้นก็คิดแบบเดียวกับผม ผมคงไปบังคับเธอไม่ได้หรอก”

      “ดีๆ เธอเป็นคนที่ดีมากเลย” โอเมกเริ่มบินอีกครั้ง “ขอให้นายโชคดีสำหรับวันพรุ่งนี้นะ”

      “ครับ....ขอบคุณมากครับ...ผมจะพยายาม” ไอซ์ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

      “ราตรีสวัสดิ์นะ แวบ!!!” โอเมกกล่าวลาและบินจากไป ไอซ์มองร่างที่หายไปกับความมืดและหาวนอนวอดใหญ่ จากนั้นก็หลับใหลไปอีกคร่า

      - วันรุ่งขึ้น –

      “หาว~~” ไอซ์ตื่นนอนขึ้นมาและหาวออกมา เขาลุกขึ้นสะบัดหัวคลายความมึนงง จากนั้นก็เริ่มจัดเก็บที่นอนและหมอนให้เข้าที่เข้าทาง จากนั้นไอซ์ก็ออกไปนอกถ้ำ เดินทางไปยังจุดนัดพบซึ่งก็คือสวนดอกไม้ที่ชายป่า ระหว่างทางเขาก็แวะเก็บใบหญ้าที่อร่อยๆมากิน พออิ่มแล้วก็เร่งเดินทางอีกเพราะสายมาก
      แล้ว ไอซ์คิดไปต่างๆนาถึงเรื่องที่ผ่านมาทั้ง7วัน

      “วันนี้แล้วสินะ.....คือวันตัดสินความเป็นคนและสัตว์.....” ไอซ์เอ่ยออกมาเบาๆ ขณะที่กำลังคิดถึงสิ่งที่โอเมกเคยกล่าวไว้เมื่อตอนที่ใช้มนต์ดำทำให้เขาเป็นครึ่งมนุษย์ หน้าของไอซ์แดงขึ้นเรื่อยๆ แล้วไม่ช้าไม่นานเขาก็มาถึงจุดนัดพบ ซึ่งเพื่อนทั้งสองคนนั่งรออยู่แล้ว

      “ไง! ไอซ์จัง ตื่นสายรึไง ถึงได้มาช้ายังงี้” อาจิล(ในร่างมนุษย์)พูด

      “ก็นะ เมื่อคืนมีเรื่องยุ่งๆนิดหน่อย แล้วนั้นใครนะ อาจิล” ไอซ์ถามอาจิล มือก็ชี้ไปทางเด็กหนุ่มอายุประมาณ12ปี หน้าคมเข้มผมสีเงินยาวระต้นคอ สวมเสื้อแขนยาวสีม่วงและใส่กางเกงผ้าลื่นหนาสีขาวขุ่น มีหูเป็นหูของหมาป่า และก็มีหางฟูๆสีเงินงอกออกมาจากสะโพกด้วย

      “นี้ก็หมาป่าน้อยไง! เขาพึ่งเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ครั้งแรกนะ นายคงไม่เคยเห็นสินะ” อาจิลพูดแนะนำให้ไอซ์รู้จักกับคนข้างกาย
      ไอซ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาหันซ้ายหันขวามองหาคนที่อยากเจอ แต่อาจิลก็บอกว่าคริสนั้นยังไม่ได้มาที พวกเขาก็ได้นั่งโม้ถึงของที่ได้กันจากตลาดกลางคืนเมื่อวาน จนพอถึงช่วงสายคริสก็วิ่งออกมาจากชายป่า

      “ขอโทษที่ช้านะทุกคน!!!!”

      “มัวทำอะไรกันอยู่ละ?” อาจิลถาม

      “ก็ต้องเก็บของป่ากับพ่อให้เสร็จก่อนนะสิ เดี๋ยวพ่อก็สงสัยหรอกว่าฉันหายไปไหน”

      “อืมๆ ตอนนี้เราก็ไปทำบุญที่โบสถ์กันก่อนเถอะ นี้ก็ใกล้ถึงเวลาสวดแล้วนะ”

      “จ๊าๆ”

      แล้วทั้งสามคนก็เดินเข้าไปในเมืองกัน โดยไอซ์นั้นก็เอาผ้าฮูทที่ติดกับผ้าคลุมสีขาวคลุมหัวปิดหน้าไว้ หมาป่าน้อยนั้นก็เอาหมวกแก็บใส่ไว้บนศีรษะโดยให้หมวกนั้นช่วยปิดหูไว้ หางสีเงินฟูๆนั้นก็ปล่อยให้มันไว้อย่างนั้นแหละ(เพราะอาณาจักรฟาเรนเซียนั้นเป็นเมืองอิสระ ผู้คนทุกเชื้อชาติมีสิทธิเข้าเมืองได้ทั้งนั้น ตราบใดที่พวกยังคงทำการถูกกฎหมายอยู่) ซึ่งเพราะความหนาของเนื้อผ้าทำให้มันดูกลมกลืนไปหมด ส่วนอาจิลเขาก็ใส่ชุดผ้าคลุมสีฟ้ายาวไปถึงเท้า ซึ่งผ้าคลุมนั้นก็ช่วยปิดหางเอาไว้ได้ คริส....เธอใส่ชุดกางเกงขาสั้น เสื้อยืดสีดำมีรูปหัวกะโหลกแบบสาวห้าว

      พวกเขาเดินไปยังจัตุรัสเมือง คริสนั้นได้ซื้อแซนวิชให้ทุกคนกินรองท้องกัน แล้วทั้งสามก็เดินไปทางซ้ายของจัตุรัสเมือง มีบ้านเรือนตั้งอยู่รอบข้างเส้นทาง แต่พอผ่านไปเรื่อยๆก็กลับกลายเป็นป่า จนในที่สุดพวกเขาก็มาถึงโบสถ์กัน โบสถ์สีขาวขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางป่าใหญ่ ที่หน้าโบสถ์บริเวณใกล้หลังคา มีภาพของปีศาจสีเขียวนั่งคำนับให้แก่บาทหลวงที่สวมชุดนักบวชสีขาว ซึ่งเป็นภาพที่ไม่มีปรากฏให้เห็นในโบสถ์อื่นเลยนอกจากโบสถ์นี้

      “พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ” หมาป่าน้อยพูดและนำวิ่งเข้าไปในโบสถ์ ทุกคนเดินตามเข้าไป ข้างในนั้นมีคนนั่งอยู่ในโบสถ์กันเกือบเต็มแล้วและรู้สึกว่าพวกเขาจะมาเป็นคู่ๆซะด้วย อาจิลและหมาป่าน้อยแยกไปนั่งที่แถวทางซ้าย ส่วนไอซ์กับคริสก็หันไปนั่งที่แถวทางขวา

      “กรุณาเงียบด้วยด้วยทุกท่าน.....ตอนนี้เราจะเริ่มพิธีกันแล้ว” บาทหลวงที่ยืนอยู่บนแท่นพิธีเอ่ยขึ้น เขาอยู่ในชุดผ้านักบวชสีขาว ตามขอบมีแถบสีทองอยู่ ใบหน้าของเขามีรอยขูดสีแดงผ่านตา ตรงกลางหน้าผากก็มีเม็ดหินสีแดงติดอยู่ และ.....ชายคนนี้เป็นคนหัวล้าน (โครม!!! คนแต่งถูกพลังประหลานยิงตกเก้าอี้ ที่มาพร้อมกับเสียงตะโกนว่า “อย่าย้ำเรื่องหัวล้านจะได้ไหม!!!!!!”)

      แล้วบาทหลวงซิกม่าก็ได้นำทุกคนในที่นั้นสวดมนต์ทำพิธีต่างๆจนเสร็จสิ้น ก็ถึงเวลาที่บาทหลวงจะเล่าถึงตำนานต่างๆให้ฟัง บาทหลวงยืนตระหง่านอยู่ที่หน้าแท่นพิธี มือก็ตั้งไว้บนโต๊ะไม้ที่อยู่เบื้องหน้า สายตาก็มองคู่รักที่นั่งคู่กันด้วยความสงบ เลื่อนสายตามามองคู่ของไอซ์ ในใจก็คิดว่า “(สัตว์กับมนุษย์รึ......)”
      “วันนี้....เป็นวันสำคัญวันหนึ่ง.....เป็นวันที่คู่รักคู่ใดก็รู้ดี......เป็นวันแห่งความรักที่ผู้คนที่รักกันจะเปิดเผยความในใจให้แก่กัน.....ผู้ที่ให้กำเนิดวันๆนี้ขึ้นมาก็คือ ท่านบาทหลวง เซน จอร์นวาเลนไทน์ ผู้ไม่ยอมให้ใครมากดขี่ข่มเหงเรื่องความรักได้ เขาคือผู้เสียสละที่แท้จริง เขาเป็นคนที่ยอมให้โอกาสทุกคนที่มีรัก......และศรัทธา.....”

      “ตอนนี้ข้าพเจ้าจะขอเล่าเรื่องถึงตำนานความรักให้พวกท่านทั้งหลายในที่นี้ฟัง.......”

      “เมื่อนานมาแล้วมีอสูรร้ายอยู่ตนหนึ่ง มันเป็นอสูรที่มีพลังมาก ก่อเรื่องอาชญากรรมมากมายจนมีคดีจากมันนับ
      ไม่ถ้วน มันฆ่ามันต้องการล้างทำลายล้างทุกสิ่งในโลก มันได้ครอบครองตำแหน่งแห่งราชาอาชญากรรมผู้ยิ่งใหญ่ ที่ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งมันได้ ไม่มีเลย.....”

      “แต่แล้ว.....อยู่ๆก็มีหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวมา เธอผู้นี้คือผู้ที่มาปลดปล่อย......ปลดปล่อยจิตใจอันชั่วร้ายให้แก่ปีศาจร้าย ให้ปีศาจร้ายได้รับรู้ถึงความสุข.......ความสุขที่ได้รัก......ใช่แล้ว ปีศาจร้ายได้สงบลงเพราะความรักแล้ว มันได้หยุดฆ่า หยุดทำลาย หยุดทำสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง เพื่อหญิงสาวเพียงคนเดียว.......หญิงสาวที่ตัวเล็กและไร้ซึ่งพลัง มันยอมเป็นคนดีและใช้ชีวิตร่วมกันหญิงสาวคนนั้น”

      “แต่....เพราะความแตกต่างกันซึ่งร่างกาย.....หญิงสาวได้แก่ชราไปตามวัยของเธอ ในขณะที่มันยังอยู่ในช่วงแค่วัยรุ่นเท่านั้น หญิงสาวได้ขอร้องปีศาจร้าย ว่าจงอย่าทำร้ายใครอีกและจงรู้จัก......ที่จะรัก.....”

      “ไม่จำเป็นว่าสิ่งที่รักจะเป็นอะไร เป็นเผ่าพันธุ์ไหน ขอเพียงให้รักและซื่อตรงต่อความรักเท่านั้น.....เท่านั้นก็เพียงพอที่จะเรียกว่าความรักได้เต็มคำแล้ว.......”

      “แล้วหญิงสาวก็เสียชีวิตลง ปีศาจร้ายนั้นเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก มันได้นำศพของเธอไปฝังไว้ใต้ต้นไม้ที่เธอและมันได้เจอกันครั้งแรก ปีศาจร้ายที่ไร้ซึ่งจุดหมายที่จะมีชีวิตอยู่ได้เดินไปเรื่อยๆ เดินไปตามทางเส้นทางแห่งความเหงาเพียงคนเดียว แม้ว่าตามเส้นทางจะถูกมนุษย์ เทพ ปีศาจ ที่เคยเป็นคู่แค้นกันทำร้าย แต่มันก็ไม่ได้ตอบโต้เลย มันเดินไปโดยลากความบาดเจ็บนั้นไปด้วย”

      “ระหว่างทางแห่งความเหงาและความมืดมนของปีศาจร้ายนั้น ก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นมา เป็นแสงที่ดูอบอุ่นและทำให้ปีศาจร้ายรู้สึกดี ปีศาจร้ายเดินเข้าหาเจ้าของแสงนั้น เจ้าของแสงนั้นก็คือนักบวชชราคนหนึ่ง ผู้ซึ่งเห็นปีศาจแล้วไม่ได้แสดงทีท่าถึงความกลัวหรือคิดจะหลบหนีเลย ชายชรานั้นยิ้มให้ปีศาจ ปีศาจรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด ปีศาจร้ายล้มลงคุกเข่าอย่างนอบน้อมต่อนักบวชชรานั้น ซึ่งเป็นการกระทำซึ่งปีศาจผู้หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีไม่เคยคิดจะกระทำมาก่อน”

      “ชายชรายอมให้โอกาสแก่ปีศาจร้าย โดยรับเขาเข้ามาในฐานะนักบวชหนุ่มไฟแรงและผู้ที่จะชำระบาปแก่ตัวเองและผู้อื่น หัวใจของปีศาจร้ายได้กลับมาสู่โลกแห่งความดีอีกครั้ง ตอนนี้หัวใจของปีศาจร้ายได้กลายเป็นนักบวชเต็มตัวแล้ว ดังเช่นที่ทุกท่านได้เห็นภาพหน้าโบสถ์นั้นแหละ.......”

      “ตอนนี้พิธีการได้จบลงแล้ว ขอให้ทุกท่านกลับบ้านโดยสวัสดิ์ภาพ.......” บาทหลวงซิกม่ากล่าวจบพิธี ผู้ศรัทธาค่อยๆออกจากโบสถ์ไปเป็นคู่ๆ จนเหลือเพียงตัวเอกของเราสี่คนเท่านั้น คริส อาจิลและหมาป่าน้อยเดินออกจากโบสถ์ไป ไอซ์ก็กำลังจะออกไปเช่นกัน แต่บาทหลวงซิกม่าก็เรียกไอซ์ให้มาพบซะก่อน

      “ท่านมีอะไรที่ต้องการคุยกันกระผมรึครับ.....” ไอซ์กล่าวอย่างน้อมนอบต่อผู้ที่อยู่เบื้องหน้า

      “ไม่มีอะไร.......นายไม่ใช่มนุษย์ใช่ไหม.....”

      “!?! ท่านรู้ได้เช่นไร?”

      “จะไม่รู้ได้อย่างไร.......ก็ปีศาจที่ข้ากล่าวในตำนานเมื่อกี้นั้น.....ก็คือตัวข้าเองในอดีต.....”

      “รึว่าท่านคือ.....ราชาโลกอาชญากรรมซิกม่า!!! ผู้ก่อเกิดความรักต่างสายพันธุ์!!!”

      “ใช่แล้ว.....

      “.......................”

      “เจ้ากระต่ายน้อยเอ่ย.......เจ้ากำลังมีความรักต่อหญิงมนุษย์คนนั้นใช่รึเปล่า.....”

      “ใช่.....แต่ข้ากลัวเหลือเกิน.....กลัวเธอจะไม่ยอมรับข้า.....”

      “หึ.....ไม่ต้องกลัวหรอก......ถ้าเจ้าไม่สารภาพตอนนี้.....เจ้าอาจจะไม่มีโอกาสอีกเลย....เหมือนกับข้า.....”

      “..........”

      “ไปซะหนุ่มน้อย.....เจ้ายังมีโอกาสอยู่นะ อย่าปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดลอยไป”

      “ครับท่าน.....ผมจะพยายาม.....” ไอซ์พยักหน้ารับ ยิ้มระรื่นเหมือนความกังวลได้หายไปเปราะหนึ่งแล้ว ไอซ์รีบวิ่งตามทุกคนออกนอกโบสถ์ไป บาทหลวงซิกม่าถอดหายใจออกมาเบาๆ “พอใจแล้วใช่ไหม...โอเมก...”
      ซิกม่าพูดเรียกให้ร่างกลมดำออกมา โอเมกบินออกมาจากหลังแท่นพิธี “ฮือ.....ขอบคุณมากเลยนะ คุณซิกม่า”

      “ไม่เป็นไรหรอก......อย่างน้อยเขาก็เป็นเหมือนข้าในอดีต ข้าไม่ต้องการให้เขามาประสบกับชีวิตที่เลวร้ายเช่นเดียวกับข้า......” ซิกม่าเงยหน้ามองดูเด็กชายในผ้าคลุมสีขาวที่กำลังวิ่งออกไป ด้วยแววตาที่แสดงถึงความอ่อนโยน จนคนข้างๆสามารถสัมผัสได้

      - นอกโบสถ์ –

      “เฮ้! ไอซ์คุง....ทำไมถึงช้าจังอะ” อาจิลถามร่างผ้าคลุมสีขาวที่เดินออกมาจากโบสถ์

      “ขอโทษที มีเรื่องนิดหน่อยนะ ว่าแต่นี้เราจะไปไหนต่อกันเหรอ?”

      “อืม.....ไปกินข้าวเที่ยงกันเป็นไง แล้วค่อยไปเล่นกันที่ป่า ช่วงเย็นก็ค่อยกลับมาร่วมงานวาเลนไทน์ที่จัตุรัสเมืองก็แล้วกัน”

      “โอ้! Good Idea!!!”

      แล้วทั้งสี่ก็เดินทางกลับเข้าไปในเมืองอีกครั้ง โดยที่ทั้งสี่ไม่รู้เลยว่ามีคนแอบสะกดตามพวกเขาอยู่ ชายที่ติดตามนั้นสวมชุดแขนกุดสีน้ำตาล กางเกงยีนขาสั้น สะพายขวานไว้ที่หลัง กล้ามเนื้อโตเป็นมัดๆเหมือนพวกที่ชอบใช้กำลัง เขาผู้นี้มิใช่ใครที่ไหน เขาก็คือ “คาน๊อก” พ่อของคริสนั้นเอง

      “ลูกสาวเรามีเพื่อนเป็นเจ้าพวกนี้เองรึเนี้ย.....แต่......พวกนี้ไว้ใจได้รึเปล่านะ” คาน็อกบ่นออกมาอย่างเป็นห่วงเป็นใยลูกสาว จากนั้นก็ตามทั้งสี่ไปอย่างเงียบๆ

      “นี้ๆแล้วพวกเราจะเล่นอะไรกันดีละ?” ไอซ์คุงถามขนาดที่กำลังเดินอยู่

      “ก็นะ.......คริส! มีความคิดอะไรดีๆบ้างละ?” อาจิลที่เดินเอามือไขว้ไว้ที่หัวอยู่ถามหญิงสาวสุดห้าวข้างๆไอซ์

      “เล่นต่อสู้กันเป็นไงละ^.^”

      “แง้ว ~ *~ ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเล่นไม่ได้ ก็ฉันเป็นแค่กระต่ายนี้หน่า~~~” ไอซ์กล่าวออกมาโดยแสดงสีหน้าตกใจอยู่เล็กน้อย

      ผัวะ!!! ไอซ์ถูกเบิร์ดหัว หน้าทิ่มพื้นไปซะแล้ว โดยคนที่ทำก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คริสของเรานี้เอง....

      “แง~~~ คริสจังตบเขาไมอ่ะ T๐T”

      “แก้นิสัยขี้ลืมนายไง ตอนนี้นายเป็นมนุษย์อยู่ไม่ใช่รึไง นายเบื้อกเอ๊ย!!!”

      “เออ...จริง....งั้นก็ไปเล่นกันเถอะ”

      แล้วทั้งสามก็เดินไปถึงชายป่าใกล้สวนดอกไม้

      “เฮ้อ~~ ร้อนชะมัดเลย ใสผ้าคลุมเนี้ย” ไอซ์บ่นออกมาและซัดผ้าคลุมขึ้นไปพาดบนกิ่งต้นไม้ เผยให้เห็นหูยาวๆสีขาวบนหัว หมาป่าน้อยก็ถอดหมวกแก็ปไปวางไว้ที่ใต้ต้นไม้ หูสีเทาโผล่ออกมาจากผม ส่วนอาจิลนั้นก็....

      “คิดว่าร้อนอยู่คนเดียวรึไง ฉันก็ร้อนจนแทบจะสุกแล้วแนะ” อาจิลบ่นออกมาและซัดผ้าคลุมสีฟ้าไปกองไว้ที่ใต้ต้นไม้ข้างหมวกแก๊บสีม่วงของหมาป่าน้อย จากนั้นก็วิ่งไปร่วมการประลองที่จะเกิดขึ้น

      ภาพที่เห็นเบื้องหน้านั้นทำให้ผู้ที่แอบซุ่มอยู่ตกตะลึง ใช่....คาน๊อกตกใจมาก ไม่คิดเลยว่าเพื่อนทั้งสามของลูกสาวเขาจะเป็นพวกครึ่งมนุษย์ หลังจากที่หายตกตะลึง เขาก็แสดงสีหน้าของความเกลียดชังออกมา ที่เขาแสดงท่าทีเช่นนี้ก็เพราะคนที่พรากคนรักของเขาไปก็เป็นพวกครึ่งมนุษย์เหมือนกัน แถมยังเป็นไลแคนที่ชั่วร้ายอีกด้วย

      “แก~~~~ เจ้าพวกครึ่งคน!!!!” คาน๊อกตะโกนนอกมาและวิ่งไปหาทั้งสี่คนที่ทำท่าตกตะลึงอยู่

      “พ่อ!!! พ่อมาได้อย่างไร!!!!” คริสร้องออกมาด้วยความตกใจ คาน๊อกตรงเข้ามาคว้าข้อมือลูกสาวตนไว้และกระชากออกห่างไป

      “พ่อก็แอบสะกดรอยตามนะสิ!!! ถึงได้รู้ว่าลูกมาคบกับพวกโสมนี้!!!!”

      “พ่อ!!!!” คริสตกใจมาก ไม่คิดว่าพ่อของตนจะมาพูดเช่นนี้

      “นี้ลุง! อยู่ดีๆมาว่าพวกเราไม่ดีได้อย่างไรกัน!!!” อาจิลที่หงุดหงิดมากตะโกนด่าทอออกมา

      “ลูก!!! ใครกันหรือที่เป็นคนฆ่าแม่ของเรา!!! ใครที่พรากคนที่เรารักไป!!!! ไม่ใช่เจ้าพวกครึ่งมนุษย์หรือไง!!!!”

      “แต่.......” คริสแสดงท่าทีเออออออกมา

      “แล้วเจ้าจะไปเชื่อใจเจ้าพวกนี้ได้อย่างไร!!!! พวกแกตายซะ!!!!~~~”

      คาน๊อกผลักลูกของตนล้มลงไปและซัดขวานสองคมใส่พวกไอซ์ ทั้งสามคนกระโดดหลบได้ แต่แล้วขวานนั้นก็บินวนกลับมาคล้ายบูเมอแรง มันได้เฉือดเนื้อแขนของไอซ์ไป เลือดสีแดงเข้มกระฉูดออกมา

      “ไอซ์!!!” คริสตะโกนออกมา แต่คาน๊อกนั้นแสหะยิ้มด้วยความพอใจ

      “หน่อย~~~ ยังนี้มันก็ต้องไม่ออมมือแล้วละ!!!” อาจิลกล่าวอย่างโกรธๆและทำท่าจะชักดาบออกมา แต่ไอซ์ก็ใช้มือข้างหนึ่งมาห้ามไว้

      “ไม่ต้อง.....เดี๋ยวฉันจัดการเอง พวกนายหลบไปก่อนนะ”

      “แต่........อืม....” อาจิลคิดจะห้ามความคิดของไอซ์ แต่พอเห็นสายตาอันแน่วแน่ของไอซ์เข้าก็เงียบและล่าถอยไปอยู่ข้างๆหมาป่าน้อย ไอซ์ก้าวออกมาอย่างอาจหาญ

      “หึๆๆ กล้าหาญดีเจ้าหูยาว แต่เจ้าจะต้องตายภายใต้ขวานของข้าแน่!!!”

      ขวานบินถูกส่งมาอีกครั้ง ไอซ์ก้มหลบมันพ้น แต่มันก็โค้งกลับมาหาเขาอีก ไอซ์ยิ้มและถีบตัวตีลังกากลับหลัง ข้ามขวานบินที่พุ่งมาหาไปพอดี ขวานกลับไปที่มือของคาน๊อกอีกครั้ง คาน๊อกเห็นว่าไอซ์สามารถหลบได้ก็โกรธ เขาขว้างขวานมาอีก แต่คราวนี้มาถึงสองอัน

      ขวานอันแรงพุ่งมาหาไอซ์อย่างรวดเร็ว ไอซ์สไลด์ตัวหลบไปข้างหน้า ขวานอันแรกผ่านไปด้านหลังไอซื แต่แล้วขวานอันที่สองก็มาอีกครั้ง มันหมุนเร็วกว่าอันแรกและพุ่งตรงมาที่ระดับหน้าออกไอซ์ แต่ไอซ์แค่เบี่ยงตัวหลบก็หลบพ้นแล้ว

      ขวานทั้งสองอันนั้นระหว่างที่ย้อนกลับมาก็เกิดปะทะกันขึ้น ทำให้เส้นทางของขวานหักเหไป คาน๊อกคว้ามือไปรับขวานอันหนึ่งได้ แต่อีกอันกลับพลาดหลุดมือและพุ่งตรงไปหาหญิงสาวที่อยู่ข้างหลัง คริสนั้นเอง

      “ว้าย!!!!!~”

      ฉึก!!!! เสียงของมีคมปักทะลุเนื้อดังขึ้นมา คริสหลับตาปี่ด้วยความกลัว แต่พอสักระยะหนึ่งเธอก็รู้สึกตัวว่าตนไม่มีความเจ็บปวดอะไรเลย พอลืมตาขึ้นดูก็เห็นภาพที่น่ากลัวเบื้องหน้า ภาพของชายหนุ่มผ้าคลุมสีขาวเปื้อนเลือดล้มลงเอามือดันต้นไม้ไว้อยู่ มีขวานขนาดใหญ่ปักที่กลางหลัง เลือดไหลย้อยไปทั่วบริเวณ

      “ไอซ์!!!!” คริสร้องตะโกนออกมา ในขณะที่ไอซ์คุงล้มลงทรุดไปอยู่บนตักของคริส อาจิลและหมาป่าน้อยรีบวิ่งมาดูไอซ์ ในขณะที่คาน๊อกกำลังตกตะลึงปนสับสนอยู่ เพราะไม่คิดว่าจะมีใครมาทำอะไรบ้าระห่ำแบบนี้

      “ไม่เป็นไรนะ.....คริส”

      แหม....แทนที่จะห่วงตัวเอง ไอซ์ทำหน้าทะเล้นแบบเหมือนไม่รู้สึกเจ็บปวด และกลับไปถามคริสอย่างเป็นห่วงเป็นใย ทั้งๆที่มีขวานปักอยู่ที่หลังแท้ๆ

      “ฉัน....ไม่เป็นไรหรอก....แต่นาย....”

      “หึๆๆ ฉันกำลังจะตายใช่ไหม อุ๊บ!!!”

      ไอซ์พูดแต่แล้วก็มีใครบางคนดึงขวานออกจากหลังไอซ์ ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากๆ ทั้งหมดในที่นั้นหันไปดูผู้ที่มาดึงขวานไป ก็พบกับคาน๊อกที่ถือขวานสองมือ มือหนึ่งถือขวานเปื้อนเลือดไว้ มองไอซ์ด้วยแววตาที่น่ากลัวมาก

      “พ่อ....อย่าทำไอซ์คุงเลย....”

      คริสพยายามใช้ตัวบังไอซ์ไว้ แต่คาน๊อกก็จับคริสแยกออกไป เขาก้มลงไปมองไอซ์ที่มองมาที่เขาด้วยความแววตาที่แน่วแน่ เลือดที่หลังยังคงทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก

      “ฆ่าผมสิ......ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นสิ่ง......ที่ถูกต้อง....”

      ไอซ์กล่าวออกมาอย่างแน่วแน่ไร้ความหวาดกลัวหรือสงสัย คาน๊อกเห็นแววตานั้นก็ยิ้มและเอ่ยพูดกับคริสโดยไม่หันไปว่า

      “คริส......พ่อมีเรื่องที่ปิดบังลูกมานานแล้ว.....”

      “........”

      “พ่อไม่ใช่มนุษย์......”

      “!?!”

      “พ่อเป็น.......ไลคันสโคป(มนุษย์กึ่งสัตว์)”

      ------------------------------------------------------
      (สาระเกี่ยวกับไลคันสโคป)
      เป็นมนุษย์กึ่งสัตว์คล้ายๆกับพวกแวร์มอล(สัตว์กึ่งมนุษย์) แต่พวกไลคันสโคปนั้นคือมนุษย์ที่กลายเป็นสัตว์ ส่วนพวกแวร์มอลก็คือสัตว์ที่กลายเป็นมนุษย์ ไลคันสโคปนั้นมีพลังฟื้นตัวสูง ความเร็วยอดเยี่ยม ความแข็งแกร่งก็มีมาก สามารถควบคุมตนเองได้ และเป็นการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่กำเนิด
      (จบการแนะนำสาระเกี่ยวกับไลคันสโคป)
      ------------------------------------------------------


      ร่างของคาน๊อกค่อยๆเปลี่ยนไป มีขนสีขาวมากมายปรากฏขึ้นตามตัว และขนสีดำขึ้นมาเป็นลายพาด หูกลายเป็นแบบสามเหลี่ยม มีหางสีขาวลายดำออกมาจากสะโพก ตอนนี้คาน๊อกได้กลายเป็นเสือขาวตัวขนาดย่อมๆแล้ว

      “พ....พ่อ.....”

      คริสกล่าวอย่างสั่นๆ คาน๊อกไม่สนใจ เขาก้มลงไปหาไอซ์ที่ยังแสดงสีหน้าเชื่อมั่นในอะไรบางอย่างอยู่ อาจิลและหมาป่าน้อยมองเขาอย่างสงบนิ่ง แค่ในใจนั้นร้อนรนยิ่งนัก คาน๊อกแผ่ฝ่ามือไปที่แผลใหญ่บนหลังของไอซ์ ฝ่ามือของเขาเปล่งแสงสีขาวออกมา แสงนั้นถูกส่งไปยังแผลของไอซ์ แผลใหญ่นั้นก็ค่อยๆสมานตัวเองจนในที่สุดก็หายเป็นปกติ แต่ก็ยังเหลือรอยแผลเป็นบางๆเอาไว้

      “.........”

      “เอาละ......ข้ายอมรับเจ้าแล้ว......”

      คาน๊อกกล่าว เขาลุกขึ้นและหันหลังไม่มองมาที่ไอซ์ ไม่มีใครรู้ว่าเสือขาวตัวนี้กำลังยิ้มอยู่ ยิ้มด้วยความพออกพอใจในชายคนนี้

      “แต่.....ถ้าเจ้าทำให้ลูกข้าต้องเสียใจ...”

      “........”

      “ข้าจะมาเอาชีวิตเจ้า!!!”

      คาน๊อกหันมามองด้วยสีหน้ามหาโหดและเดินจากไป พอไกลออกไปร่างของคาน๊อกก็กลับเป็นมนุษย์อีกครั้ง คริสมองจนลับตา แล้วจึงหันมาสนใจไอซ์อีกครั้ง

      “ไม่เป็นไรมากนะ ไอซ์คุง”

      “ไม่เป็นไรหรอกครับ”

      “ใช่ๆ เจ้านี้หนังหนาจะตาย” หมาป่าน้อยพูดด้วยเสียงกวนๆ

      “ชมหรือด่าเนี้ย......”

      “ฮิๆๆ ไอซ์คุง นายทำให้พ่อตายอมรับนายแล้วนะเนี้ย ฮิๆๆ”

      “พ....พ่อตา...เหรอ.... //- -//”

      อาจิลกล่าวออกมาลอยๆ คริสและไอซ์หน้าแดงซ่าน เสหน้าออกไปด้านข้าง แต่มีรอยยิ้มน้อยๆปรากฏออกมา แม้จะเป็นสาวห้าวกะหนุ่มเหี้ยม แต่ก็ยังไร้ประสบการณ์รักละว่า...

      “ไปเล่นกันต่อดีกว่านะ #-.-#”

      น่าน.....เครียดขนาดนี้ก็ยังเล่นกันได้อีก....

      - ตกช่วงเย็น –

      ทั้งสี่คนเล่นกันจนเหนื่อยหอบ ซึ่งผลการเล่นต่อสู้ก็คือ คริสกับไอซ์ได้คะแนนเสมอกัน

      “แพ้จนได้นะเนี้ย ไม่น่าออมมือให้เลย”

      อาจิลกล่าวอย่างหัวเสีย คริสและไอซืมองหน้ากันก่อนจะยิ้มเยาะเบาๆ

      “ออมมือ....ถูกตืบซะยับเยินเนี้ยนะ”

      หมาป่าน้อยจ้องมองอาจิล

      “อีกไม่นานแล้วสินะ.....ที่ฉันจะ....”

      ไอซ์พูด ยกมือขึ้นมามองด้วยความเศร้าใจ คำพูดของไอซ์ทำเอาบรรญากาศเศร้าลง เพื่อนของเขาทั้งสามมองด้วยความเห็นใจ แต่คริสก็ทำใจได้เอามือคล้องคอไอซ์

      “เอาน่าๆ ยังไงก่อนจะเป็นกระต่ายดังเดิม ก็ขอสนุกให้ถึงที่สุดไปเลยก่อนดีไหมละ”

      ไอซ์มองคริสด้วยหน้าแดงๆน้อยๆก่อนจะพยักหน้า

      “นั้นสินะ อย่างน้อยก็ขอให้มีความสุขจนถึงเวลาสุดท้ายก็คงดี....”

      ทั้งหมดยิ้มที่ไอซ์สามารถยอบรับชะตาได้ จึงทำหน้าร่าเริงและวิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน

      ตามเส้นทางของหมู่บ้านนั้นขนาบไปด้วยหาบแผงลอยขายของมากมาย ตามผนังบ้านเรือนประดับประดาด้วยดอกกุหลาบและของประดับสีชมพูกระจุกกระจิก ร้านค้าก็มีทั้งที่ขายของสำหรับคู่รัก ดอกกุหลาบเป็นช่อๆ ขนมแบบพิเศษที่มีเฉพาะในวันวาเลนไทน์ หรือแม้แต่อาวุธที่มีทับทิมสีแดงรูปหัวใจติดอยู่ก็ยังมี

      ผู้คนในงานมีจำนวนมาก แต่ส่วนมากจะมากันเป็นคู่ๆชายหญิง พวกเขาสวมชุดสีฉูดฉานแต่ก็ไม่โป๊มากเกินไป(ยังดีกว่าวัยรุ่นสมัยนี้อีก) มีตั้งแต่รุ่นเล็กเด็กอนุบาล วัยรุ่น วัยกลางคน หรือแม้แต่วัยชราก็มี ผู้คนในหมู่บ้านนี้ยอมรับในพวกแวร์มอลและไลคับสโคปด้วย ดังนั้น จึงมีคู่ของแวร์มอลกะแวร์มอล ไลคันสโคปกะไลคันสโคป แวร์มอลกับไลคันสโคป แวร์มอลกับมนุษย์ มนุษย์กับไลคันสโคป มาร่วมในงานนี้เป็นคู่ๆและมาคนเดียวบ้างเป็นประปราย

      มีทั้งพวกแวร์วูฟ ไลแคน(ที่ดี) แวมไพท์ แวร์แคท แวร์เบิร์ด แวร์ไทเกอร์(ขาวและเหลือง) และยังมีอีกมากมาย ช่าวสมกับเป็นเมืองที่สงบสุข อยู่ร่วมกันโดยไม่แบ่งเชื้อชาติสายพันธุ์เลยจริงๆ อยากให้คนเราในปัจจุบันเป็นแบบนั้นมั้งจังเลย....

      “เฮ้ๆ รีบไปที่จัตุรัสเมืองกันเถอะ”

      คริสเร่งทุกคนที่ยืนตะลึงอยู่ให้รีบไป ทุกคนวิ่งฝ่าฝูงชนไป จนมาถึงจัตุรัสเมืองซึ่งมีผู้คนจำนวนมากยืนชุมนุมอยู่กันเป็นคู่ๆ มีเวทีสำหรับเต้นรำขนาดใหญ่อีกด้วย พิธีกรเวทีขึ้นมาและเอ่ยกล่าวว่า

      “สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะเริ่มต้นงานพิธีการสำคัญ”

      “เราจะขอเชิญองค์ราชาเคนมากล่าวเปิดงานครั้งนี้.....”

      แล้วชายชราในชุดผ้าคลุมสีแดงก้ขึ้นมากล่าวเปิดงานอย่าวยาวยืด อาจิลเดินไปนั่งที่เก้าอี้ยาวใต้ต้นไม้ด้วยสีหน้าเซ็งๆ ไอซืและคริสนั่งฟังอย่างตั้งใจเหมือนกับจะซึบซับทุกคำพูดนั้นเอาไว้ ส่วนหมาป่าน้อยนั้นโดนใครบางคนลากไปแล้ว(มารู้ภายหลังว่าผู้ที่ลากไปก็คือเจ้าหญิงนาเบล(วัยเด็ก)ที่เกิดจำปลอกคอผลึกม่วงซึ่งมีอันเดียวในโลกนี้ที่อยู่ตรงคอของหมาป่าน้อยได้ ทำให้เธอรู้ว่าหมาป่าน้อยกับชายหนุ่มผมขาวคนนี้คือคนๆเดียวกัน เพราะปลอกคอที่กล่าวไปนั้นเธอเป็นคนมอบให้หมาป่าน้อยเมื่อตอนวันปีใหม่เองนี้แหละ ปล.เพราะเห็นหูของหมาป่าด้วย)

      - หลังจากราชาเคนกล่าวเริ่มพิธีเสร็จ –

      อาจิลนอนหลับใต้ต้นไม้บนเก้าอี้ยาวเรียบร้อยแล้ว ไอซ์กับคริสมองและหัวเราะออกเล็กน้อย ราชาเคนลงจากแท่นพิธีไปหาเจ้าชายซีโร่และราชินีไอริชที่นั่งอยู่ข้างล่าง(คู่นี้ลืมลูกตัวเองอีกแล้ว เพราะมัวแต่จีบกันเองอยู่

      “ตอนนี้พิธีเปิดงานก็เสร็จสิ้นแล้ว....ขอเชิญคู่รักทุกท่านขึ้นมาเต้นรำบนเวทีได้เลยครับ”

      เสียงเพลงช้าๆดังขึ้น คู่รักค่อยๆทยอยขึ้นไปเป็นคู่ๆ ไอซ์กับคริสมองหน้ากัน

      “ไปกันเถอะครับ”

      “ได้สิ...ว่าแต่เต้นเป็นเหรอ?”

      “ไม่รู้สิ ลอกพวกคนที่เต้นเป็นเอาละกัน”

      “......-*-”

      แล้วทั้งคู่ก็ขึ้นไปเต้นรำกัน แม้จะดูเงอะไปบ้าง แต่ทั้งคู่ก็ยังสนุกกันได้ แม้ใบหน้าจะแดงอยู่หน่อยก็เถอะ ทั้งคู่เต้นรำกันโดยไม่รู้ว่ายังมีอีกคู่หนึ่งที่เต้นรำใกล้ๆกัน คู่นั้นก็เต้นรำไม่ค่อยจะคล่องนัก เพราะฝ่ายชายเอาแต่อายหน้าแดงเสหน้าไปมองพื้น แต่ก็ยังคงเต้นรำกันได้

      แล้วการเต้นรำนั้นก็จบลง อีกไม่นานก้ใกล้เที่ยงคืนแล้วด้วย

      “คริส.......ฉันว่า.....เราไปที่สวนสาธารณะกันเถอะ...”

      “ทำไมละ?”

      “ถ้าเกิดฉันมาคืนร่างตรงนี้ พวกผู้คนก็ตกใจกันนะสิ”

      “นั้นสินะ.....”

      แล้วทั้งคู่ก็ออกเดินไปที่สวนสาธารณะกัน เป็นสวนที่มีไปอยู่ดวงเดียวก็คือที่หัวน้ำพุ บรรยากาศดูร่มรื่นแบบป่ากลางคืนไม่น้อย เขาทั้งคู่นั่งกันที่เก้าอี้ยาวใต้ต้นไม้ โดยไม่รู้ว่ายังมีอีกคู่หนึ่งที่นั่งคู่กันอยู่ใต้ต้นไม้ใกล้ๆกันอยู่เช่นกัน คู่หมาป่ากับมนุษย์นั้นเอง

      “อีกไม่นานแล้วสินะ เวลาจะหมดลง”

      “ใช่......”

      “สนุกมากเลยนะทั้งเจ็ดวันที่ผ่านมา”

      “ใช่.......”

      “ไม่อยากให้ถึงเวลานั้นเลย”

      “ใช่..........”

      คริสเอาแต่พูดคำว่า “ใช่” เพราะตอนนี้เธอเศร้ามากๆ เศร้าจนไม่คิดว่าเธอผู้นี้จะเคยเป็นสาวห้าวไร้ความรู้สึกอ่อนแอมาตลอด

      “พูดคำอื่นมั้งก็ได้นะ”

      ไอซ์นั้นยังคงทำหน้าร่าเริงอยู่ ทั้งๆที่ภายในใจนั้นเจ็บปวดเหลือเกิน

      “อืม....เราจะได้เจอกันอีกไหม...”

      “ได้เจอกันสิ ถึงฉันจะเป็นกระต่ายไป อย่างน้อยเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้”

      “ไอซ์คุง...”

      “ครับ”

      คริสเอามือจับมือไอซ์ไว้ เช่นเดียวกับวันแรกที่พวกเขาเจอกันในร่างมนุษย์

      “ไอซ์....นายยังคิด.....ว่าฉันเป็นเพื่อน....อยู่รึเปล่า”

      “.......ไม่รู้สิครับ ผมไม่รู้ว่าผมเหมาะสมพอจะเป็นมากกว่านั้นได้รึเปล่า”

      “ทำไม?”

      ไอซ์ก้มหน้าและพูดออกมาเบาๆแต่พอได้ยินว่า

      “เพราะผมมันเป็นแค่สัตว์...สัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง....แต่คุณนั้นเป็นถึง มนุษย์ผู้มีจิตใจอันประเสริฐยิ่งนัก ดังดอกฟ้ากับหมาวัด ผมคงไปเทียบเคียงกับคุณไม่ได้ ผมไม่เหมาะสมกับคุณหรอก....”

      “ไอซ์.....”

      “ยังมีมนุษย์อีกมากมายที่พร้อมจะรักคุณ เหมือนที่ผมรัก คุณกลับไปหาพวกเขาเถอะ.....อย่าพึ่งรักผมเลย....”

      “ไอซ์.....ทำไมพูดแบบนี้....ฮึกๆๆ”

      เผียะ!!! ไอซ์ถูกคริสตบเข้าที่แก้ม ไอซ์มองอย่างงง

      “ทำไมพูดแบบนี้ ฮึกๆๆ พูดแบบดูถูกตัวเอง ฮึกๆๆ”

      “คริส.....”

      “ไม่ว่านายจะเป็นอะไร เป็นยังไง ฉันก็ไม่สนทั้งนั้นแหละ”

      “......”

      “ไม่ว่าใครจะว่ายังไง ฉันก็ยังรักเธอ เข้าใจไหม ฉันรักเธอ ฮึกๆๆ”

      “คริส......รัก.....ผม....”

      “บอกฉันสิ บอกฉันมา บอกว่านายรักฉัน ได้ไหม”

      “ผม.....รักคุณเช่นกัน......”

      “ไอซ์.....ฉันดีใจมากเลยที่คุณพูดคำนี้”

      “แต่....อีก5นาทีผมก็จะกลับเป็นกระต่ายเหมือนเดิมแล้ว.....”

      “อืม....ใช่...”

      คริสก้มหน้ามองพื้นด้วยสีหน้าเศร้าๆ ไอซ์ก็เช่นเดียวกัน

      “ไอซ์คุง...”

      “ฮือ...อุ๊บ!”

      คริสเรียกไอซ์ เขาเงยหน้าขึ้นและหันมามองคริส หญิงสาวร่างบางคว้าร่างของหนุ่มน้อยมากอด
      และจูบไว้ ไอซ์ตกใจมากรีบผลักคริสออก คริสที่หน้าแดงอยู่ก็พูดว่า

      “ขอเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ....ไอซ์....ขอเป็นความสุขสุดท้ายนี้เท่านั้น...”

      “เออ....ครับ....ได้ครับ...”

      ทั้งคู่ยืนขึ้น ไอซ์มองหน้าคริสทำทีแบบไม่กล้านัก คริสนั้นหงุดหงิดนิดหน่อย ก็เลย..... “ยัง
      เดียงสามากไปนะ จุ๊บ!!!” คริสก็เลยกลายเป็นฝ่ายบุกเสียเอง ทั้งคู่กอดกันแน่นกว่าเดิม ไอซ์นั้นเคลิบเคลิ้มกับความรู้สึกใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เขาหลับตาลง คริสก็เช่นกัน จนเวลาผ่านเนินนานหน่อย พวกเขาก็ถอยออกห่างกัน เสหน้าแดงด้วยความอาย

      “ขอบคุณนะ....คริส...สำหรับความสุข....ที่ผ่านมา”

      “ไม่ไอซ์...ฉันต่างหากที่ต้องพูดคำนั้น เธอทำให้ชีวิตที่ทำอะไรซ้ำๆของฉันมีชีวิตชีวาขึ้น วันๆนึงฉันก็ได้แต่เก็บของป่า ฉันไม่มีเพื่อนที่ไหนเลย ไม่ได้เล่นกับใคร”

      “......”

      “ฉันคิดว่าฉันไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีแฟนก็ได้ คิดว่าสามารถอยู่คนเดียวกับความเหงาได้ แต่....”

      “พอนายเข้ามาฉันก็รู้สึกถึงความสุข ความอบอุ่นที่ไม่เคยรู้สึกมา มันเป็นช่วงเวลาที่เยี่ยมมากเลยละ”

      “อืม.....ใช่...ถึงจะเป็นเวลาเพียงไม่นานฉันก็จะจำระยะเวลานี้ไว้ หากชาติหน้ามีจริง ฉันขอที่จะได้เจอเธอ....ในฐานะมนุษย์เต็มตัว....นะคริส...”

      “ค่ะ....ที่รัก^.^”

      “พูดแบบนี้ก็.....#-.-#”

      เหอๆๆ ไอซ์เขินหน้าแดงไปซะแล้ว

      - 2 นาทีต่อมา –

      แก๊งๆๆๆ เสียงนาฬิกายักษ์กลางจัตุรัสเมืองดังขึ้น บอกให้รู้ว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว

      “ลาก่อน....คริส”

      “อืม....อย่าพูดเช่นนั้นสิ เรายังเจอกันในฐานะเพื่อนกันได้นะ”

      “นั้นสินะ...”

      - เวลาผ่านไปสัก 5 นาที –

      “เอ๊ะ.....ทำไมร่างของผมถึงไม่เปลี่ยนเป็นกระต่ายละเนี้ย”

      “นั้นสิ หรือว่าจะมีอะไรผิดพลาดกับเวทมนต์นะ”

      “ไม่มีอะไรผิดพลาดหรอก!!!”

      ระหว่างที่คริสกับไอซ์งงกันอยู่นั้น ก็มีเสียงหญิงสาวคนหนึ่งแทรกขึ้นมา ทั้งคู่หันไปมองเจ้าของเสียง ก็พบกับหญิงสาวชุดสีดำ ผมสีดำปรกหน้าซีกหนึ่งอยู่ เธอนั่งอยู่บนชานไม้ใหญ่เหนือทั้งคู่ไป

      “คุณเป็นใครนะครับ”

      ไอซ์ถาม เขาเงยหน้าขึ้นไปมอง

      “ฉันก็คือโอเมกไง นี้เป็นร่างแปลงมนุษย์ของฉันเอง”

      “อ้าว....คุณโอเมกเองหรอกรึ มีเรื่องจะถามพอดี เรื่องร่างก…”

      “เรื่องที่มันไม่กลับกลายเป็นกระต่ายนะเหรอ”

      “ใช่ครับ/ค่ะ”

      ไอซ์และคริสตอบพร้อมกัน โอเมกยิ้มถูกใจความรักของคนสองคนนี้ ที่แม้แต่ใจกับคำพูดก็ยังตรงกัน

      “ไอซ์คุง....ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันบอกอะไรนายตอนที่ใช้เวทมนต์”

      “เออ....จำได้ครับ คุณโอเมกบอกผมว่าถ้าผมทำให้หญิงที่ผมรัก รักผมได้ ผมจะไม่กลับกลาย
      เป็นกระต่าย”

      “ใช่ แล้วพวกเธอก็พึ่งบอกรักกันเมื่อครู่นี้ไม่ใช่เหรอ แถมยังจูบกันซะดูดดื่มขนาดนั้นด้วย ดังนั้น....ตอนนี้ไอซ์คุง”

      “ฮะ”

      “นายกลายเป็นครึ่งมนุษย์เต็มตัวแล้วนะ”

      “ฮะ ขอบคุณเจ๊โอเมกมากเลยฮะ”

      ไอซ์ไหว้ขอบคุณโอเมก

      “ไม่เป็นไรหรอก(ตูแก่ขนาดเรียกว่าเจ๊เลยรึเนี้ย T-T)”

      “คริสๆ ผมไม่ได้เป็นกระต่ายแล้ว ฮึกๆๆ”

      ไอซ์ร่ำไห้และคว้าคริสเข้ามากอดไว้

      “จ้าๆ ดีใจด้วยนะ”

      คริสพูดและกอดไอซ์เอาไว้ ไอซ์ร้องไห้ซบลงที่ไหล่ของคริส โอเมกมองทั้งคู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และเดินจากไปอย่างเงียบๆ เพราะคิดว่าควรให้สองคนนี้อยู่ด้วยกันสองคนจะดีกว่า โอเมกเดินไปสักครู่จากนั้นก็กลายร่างเป็นเอลฟ์ตัวกลมๆสีดำบินหายไปในความมืดมิด ปล่อยให้ชายหนุ่มสองคนคุยปรับความเข้าใจกัน

      - ทางด้านอาจิล –

      หลังจากที่เขาแยกทางกับไอซ์และคริสตอนงานเต้นรำแล้ว(หมาป่าน้อยหายไปอย่างไร้ร่องรอย) อาจิลก็เดินไปตามทางขายของเรื่อยๆ จนไปสะดุดตากับร้านขายของร้านหนึ่งเข้า เป็นร้านขายอาวุธนั้นเอง อาจิลเดินเข้าไปชมในร้าน ซึ่งมีดาบและกระบี่ที่สลักลวดลายแปลกๆไว้มากมาย ไม่ว่าจะสลักรูปกริฟฟิน รูปหมาป่า รูปมังกร แต่ดูเหมือนที่อาจิลสนใจมากที่สวุดก็คือ ดาบซามูไรที่ด้ามดาบสลักรูปงูพันด้ามไว้สีม่วง ส่วนหัวของมันสลักไว้เหมือนกับคาบตัวดาบเอาไว้ คมดาบสร้างจากโลหะผสมสีแดงฉาน ซึ่งดาบซามูไรนั้นขายพร้อมกับชุดนักรบซามูไร(แบบผ้าหนา กางเกงขามหาบาน เสื้อแบบเผยหน้าอก)

      “น่าสนใจจังแฮะ แหม.....เบาเหลือเกิน....”

      อาจิลลองยกดาบซามูไรนั้นดู ซึ่งมันเบามากอย่างที่เขาว่านั้นแหละ

      “นี้ๆ คนขาย อันนี้ขายชุดหนึ่งกี่บาทอะ”

      อาจิลยกดาบขึ้นถามคนขายซึ่งนั่งหลบมุมอยู่ในมุมมืดอยู่ คนขายได้ยินก็ลุกขึ้นและเดินมาหาอาจิล

      “อันนั้นนะขายเป็นชุดนะ ราคาก็ประมาณ....เฮ้! นาย!!!”

      คนขายทำท่าตกใจเมื่อเห็นหน้าของอาจิล ซึ่งอาจิลก็ตกใจเช่นกัน

      “อาจิล!!!/เชลลอน!!!”

      ทั้งคู่พูดพร้อมกัน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเชลลอนนั้นเป็นเผ่ากึ่งมนุษย์กึ่งงูซึ่งเป็นเพื่อนกับอาจิลเมื่อนานมาแล้ว เธอมีผมสีชมพูบลอนยาวระต้นคอ สวมหมวกแก๊ปสีดำติดรูปหัวกะโหลก ที่แก้มมีลวดลายแปลกๆสีดำสลักเอาไว้ เธอใส่ชุดสายเดี่ยวสีดำ ใส่เสื้อยีนแขนยาวทับไว้อีกชั้น ส่วนกางเกงก็เป็นกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้มแนบไปท่อนขา

      “นายมาที่นี้ทำไมนะอาจิล... นี้เป็นเมืองของพวกมนุษย์ที่นายเกลียดไม่ใช่รึไง”

      “ก็ไม่มีอะไรหรอก พอดีฉันมาเที่ยวงานนี้กับเพื่อนของฉันนะ”

      “เหรอ.... ไม่ยักกะรู้ว่าคนอย่างนายจะมีเพื่อนได้นะเนี้ย”

      อาจิลได้ฟังดังนั้นก็พูดตอบเสียงดังกลับไปว่า

      “ช่างฉันเถอะน่า ว่าแต่นึกว่าหายไปไหนแล้ว ที่แท้ก็มาเปิดร้านตีดาบในเมืองมนุษย์นี้เอง”

      “ใช่ พอดีตาบุญธรรมของฉันก่อนตายเขาฝากฝังให้ฉันดูแลร้านตีดาบนี้ต่อนะ”

      “ยังงี้เองเหรอ แสดงว่าเธอไม่ได้กลายร่างเป็นงูมาหลายปีแล้วใช่ไหม”

      ชาลอนก้มหน้านิ่ง ก่อนจะพูดว่า

      “ไม่หรอก นานๆทีฉันจะไปเที่ยวป่าเป็นบางครั้งนะ อยู่เมืองนานแล้วมันคิดถึงบ้านเก่า”

      “รู้ไหมตอนเธอไม่อยู่นะ มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นในป่าไนแมร์ด้วยละ”

      “เหรอๆ แล้วมีเรื่องอะไรบ้างละ”

      “ก็มี......”

      แล้วทั้งคู่ก็เอาเก้าอี้มานั่งคุยกัน เพราะทั้งสองนั้นไม่ได้พบกันมานานแล้ว

      - ทางด้านหมาป่าน้อย(ก่อนเวลาที่จะเที่ยงคืน) –

      “เออ......”

      “มีอะไรเหรอ”

      “เปล่าๆ ไม่มีอะไร.....”

      “อืม.....”

      “เออ.....”

      “มีอะไรอีกละ?”

      “ไม่มีอะไร....”

      “ตกลงจะพูดอะไรก็พูดมาซิ!!!”

      หมาป่าน้อยในร่างมนุษย์ถูกสาวงามชุดเจ้าหญิงสีเหลืองอ่อนสวมมงกุฎขนาดเล็กสีทองว๊ากใส่ เพราะหมาป่าน้อยเอ่อยคำสองคำนั้นมาหลายครั้งแล้ว ทั้งคู่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ด้านหลังไอซ์และคริสที่กำลังนั่งคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมานั้นเอง

      “ก็ผม เออ.....”

      “เอาอีกแล้ว!!!”

      หมับ!!! เจ้าหญิงคว้าคอเสื้อหมาป่าน้อยและกระชากขึ้น(โหดไปมั้งเพ้-*-)

      “พูดมาสิ พูดมา ถ้าไม่พูดจะโยนให้ไปว่ายน้ำกับปลาเลย”

      เจ้าหญิงขู่ใส่หมาป่าน้อย เพราะเธอทนทำตัวสุภาพเรียบร้อยมามากเกินพอแล้ว หมป่าน้อยแสดง
      สีหน้าหวาดกลัว ก่อนจะพูดออกมาอย่างสั่นๆว่า

      “ผ....ผม....ผมแค่จะ....ถามว่า....คุณเจอผม....ได้ไง....กัน...”

      “อ้อเหรอ...จะถามเรื่องนี้เองรึค่ะเนี้ย คิๆๆ”

      เจ้าหญิงวางหมป่าน้อยลงและกลับเข้าโหมดสุภาพเรียบร้อยอีกครั้ง

      “ก็เพราะปลอกคอของนายนี้ไงเล่า”

      “เอ้?”

      หมาป่าน้อยมองปลอกคอของตนที่มีผลึกสีม่วงติดอยู่

      “ไม่มีคนบ้าที่ไหนหรอกจะใส่ของแบบนี้นะ”

      “อ้าว? เหรอ....แล้วที่เขาใส่ห้อยคอเต็มไปหมดทั้งเมืองนั้นไม่ใช่ปลอกคอหรอกเหรอ?”

      “เปล่า ไม่ใช่สักหน่อย อันนั้นเขาเรียกว่าสร้อยคอ มันเล็กและเบากว่าปลอกคอ มันเป็นเครื่องประดับสำหรับมนุษย์นะ”

      “เหรอคับ แล้วเออ.....”

      “มีอะไร?”

      “ไม่มีเรื่องอะไรหรอก....”

      “หืม….”

      “เออ......”

      “อยากเจอเหมือนเมื่อกี้อีกมะ?”

      หมาป่าน้อยสะดุ้งเฮือก ก่อนจะตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า

      “ไม่เอาแล้วๆ จะถามเลยก็ได้”

      “ถามอะไร?”

      “จะถามว่าผมกลับได้ยังอะ คิดถึงบ้านกับแม่แล้วอะคับ”

      เจ้าหญิงมองหน้าของหมาป่าน้อยและยิ้มออกมา

      “ได้สิ....”

      “งั้นผมก็ไปแล้วนะ....”

      หมาป่าน้อยทำท่าลุกขึ้น แต่เจ้าหญิงก็จับหางเอาไว้ จากนั้นก็ดึงตัวมานั่งในตัก

      “แต่ต้องหลังจากที่คืนร่างก่อนนะ^.^”

      “เออ...//- -//”

      หมาป่าน้อยนั่งนิ่งหน้าแดงอยู่ในอ้อมแขนบนตักของเจ้าหญิง ซึ่งกำลังยิ้มน้อยๆด้วยความสุข
      แปลกๆ

      - บทส่งท้าย –

      ทางด้านไอซ์
      หลังจากที่นั่งปรับความเข้าใจกันอยู่นาน ไอซ์ก็เห็นว่ามันดึกมากแล้ว ก็เลยบอกคริสว่าสมควรกลับบ้านได้แล้ว คริสนั้นก็เห็นดีด้วย ไอซ์ก็เลยเดินไปส่งคริสให้จนถึงบ้าน บ้านของคริสนั้นเป็นบ้านไม้อยู่กลางป่า มีไฟสีเหลืองท่อแสงออกมาจากหน้าต่าง และมีเชิงหลังคาเล็กๆข้างๆบ้าน ซึ่งก็ก่อกองไฟไว้เช่นกัน ทั้งคู่นั้นเดินไปดูก็พบว่าคาน๊อกในร่างมนุษย์นั้นกำลังซ้อมชกมวยกับเสาหลักไม้อยู่ คาน๊อกชกหมัดเดียวทำให้ไม้นั้นหักเลย ไอซ์เสียวสันหลังวาบ

      “คริส เออ....ฉันกลับก่อนนะ”

      “หืม? (เหล่ไปมองพ่อตนที่มองมาที่ไอซ์ด้วยแววตาน่ากลัว) ได้สิ...”

      “เจอกันใหม่พรุ่งนี้นะ”

      “จ้าๆ พรุ่งนี้นายต้องหาไปหางานทำกับฉันด้วยนะ ไอซ์”

      “เอ้? ทำไมละ”

      “ตาบ้า!!! นายลืมไปแล้วรึไงว่านายเป็นครึ่งมนุษย์แล้ว นายจะเที่ยวร่อนๆแบบพวกสัตว์ป่าไม่ได้นะ”

      “เออ....นั้นสิ”

      “เอาเป็นว่า....ราตรีสวัสดิ์เลยนะครับ คริส”

      “เช่นกันจ๊ะ เจ้ากระต่ายน้อย^.^”

      จุ๊บ! คริสลักหอมแก้มไอซ์และวิ่งจากไปหาพ่อของเธอ ปล่อยให้ผู้ถูกกระทำนิ่งตกตะลึงหน้าแดงนิดหน่อย ก่อนจะทำใจได้และเดินกลับบ้าน(ถ้ำ)ไป

      ทางด้านอาจิล
      อาจิลนั้นคุยกับเชลลอนจนหมดไส้หมดเปลือกแล้ว ก็เลยช่วยเชลลอนนั้นเก็บร้าน จากนั้นก็ถามถึงราคาดาบซามูไรและชุดซามูไร แต่เชลลอนนั้นก็บอกว่าให้ฟรีสำหรับเป็นของขวัญวันเกิด ทำให้อาจิลนึกได้ว่าวันที่13นี้เป็นวันเกิดเขาพอดีเลย(เกิดวันแห่งความรักรึเนี้ย) ซึ่งชาลอนก็แถมฝักดาบสีดำทำจากไม้สนวิญญาณให้อีกด้วย อาจิลกล่าวขอบคุณชาลอนและทั้งคู่ก็ลากันกลับบ้าน ณ จุดนนั้นๆเอง
      ปล.นับจากนี้อีก 3 ปี ทั้งคู่จะกลายเป็นสามีภรรยากันและร่มกันทำธุรกิจค้าขายอาวุธอย่างถูกกฎหมายกันด้วย จนกลายเป็นเสี่ยนายหน้าขายอาวุธไป(ซะงั้น)

      ทางด้านหมาป่าน้อย
      หลังจากที่หมาป่าน้อยคืนร่างแล้ว ทั้งคู่ก็ได้แยกทางจากกัน

      ปล.นับจากนี้อีก 3 ปี เจ้าชายซีโร่จะได้รับตำแหน่งขึ้นเป็นราชาซีโร่เต็มตัว ในห้าปีนั้นหมาป่าน้อยกับเจ้าหญิงนาเบลก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนทั้งคู่นั้นลืมอีกฝ่ายไปแล้ว แต่หลังจากปีที่ซีโร่สถาปนาตัวเองเป็นราชาแล้วอีก 3 ปี ทั้งคู่จะได้พบกันอีกครั้งในเรื่อง The Prince Of Wolf ซึ่งตอนนั้นเป็นตอนที่เจ้าหญิงจะมีอายุครบ 14 ปีบริบูรณ์พอดี

      จบและ มีแค่นี้เองแหละ ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่านี้เป็นเรื่องสั้นรึไม่ เพราะรู้สึกมันยาวเหลือเกิน

      ---------- The End ---------

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×